ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าในแดนบวก ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่สดใส รวมถึงสัญญาณบ่งชี้ว่า คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีท่าทีที่เห็นด้วยกับการใช้นโยบายทางการเงินแบบเข้มงวด
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,497.60 จุด พุ่งขึ้น 419.12 จุด หรือ +1.55%
ตลาดหุ้นจีนปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.-4 ก.พ. ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1-3 ก.พ.
นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทจำนวน 172 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 แล้ว ซึ่งเกือบ 80% ในจำนวนดังกล่าวมีผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทางด้านนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.เพื่อให้นโยบายการเงินมีความเหมาะสมมากขึ้น แต่การดำเนินการในอนาคตจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ นอกจากนี้ยัง คาดว่า อัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่า 3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในช่วงต้นทศวรรษ 1950
ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกาออกรายงานคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้นครั้งละ 0.25% หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่แบงก์ ออฟ อเมริกาคาดการณ์ หมายความว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมทั้ง 7 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%
