ผู้เขียน หัวข้อ: FTREIT อวดผลประกอบการไตรมาสแรกปี 65 กวาดรายได้  (อ่าน 309 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ PostDD

  • *
  • กระทู้: 929
  • Popular Vote : 0
FTREIT อวดผลประกอบการไตรมาสแรกปี 65 กวาดรายได้
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2022, 11:03:32 pm »
FTREIT อวดผลประกอบการไตรมาสแรกปี 65 กวาดรายได้ 905.8 ล้านบาท พร้อมจ่ายปันผลไตรมาส 1 ปี 65 ในอัตรา 0.1700 บาทต่อหน่วย

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ "FIRM" ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ "FTREIT" เผยผลการดำเนินงานของ FTREIT ในไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2565 (ตุลาคม - ธันวาคม 2564) รายได้รวมอยู่ที่ 905.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95.8 ล้านบาท หรือ 11.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และกำไรจากการลงทุนสุทธิมีจำนวน 635.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.7 ล้านบาท หรือ 19.0% โดยมีปัจจัยหลักมาจากพื้นที่เช่าและอัตราการเช่าพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 1 ซึ่งมีอัตราการเช่าเฉลี่ย (Average Occupancy Rate) อยู่ในระดับสูง ที่ 87.3%

พร้อมกันนี้จากผลประกอบการของ FTREIT ที่เติบโตขึ้นทำให้กองทรัสต์สามารถประกาศจ่ายเงินปันผลประจำไตรมาสที่ 1 ในอัตรา 0.1700 บาทต่อหน่วยทรัสต์ โดยมีกำหนดจ่ายในวันที่ 3 มีนาคม 2565

ปัจจุบัน ทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการของกองทรัสต์ FTREIT มีมูลค่ารวมกว่า 44,536.3 ล้านบาท ประกอบด้วย อาคารโรงงานและคลังสินค้ารวม 641 ยูนิต บนพื้นที่ให้เช่ารวม 2.06 ล้านตารางเมตร โดยทุกโครงการตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์
ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สมุทรปราการ ปราจีนบุรี และพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก

นายธนะรัชต์ บุญญะโกศล กรรมการผู้จัดการ FIRM เปิดเผยว่า "FIRM สามารถบริหารจัดการกองทรัสต์ FTREIT ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งตลอดช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะยังคงยืดเยื้อด้วยการระบาดระลอกใหม่และเต็มไปด้วยความท้าทาย โดยสามารถรักษาอัตราการเช่าไว้ใด้ในระดับสูง และยังคงมุ่งขยายฐานผู้เช่าคุณภาพรายใหม่เข้ามาในพอร์ตโฟลิโอ สำหรับการดำเนินงานในปี 2565 กองทรัสต์มั่นใจว่า FTREIT จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการบริหารงานเชิงรุก ประกอบกับอานิสงส์ของสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลให้ธุรกิจโลจิสติกส์และธุรกิจที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ อีคอมเมิร์ซ ค้าปลีก รวมถึงยาและเวชภัณฑ์เติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งส่งผลให้ FTREIT เติบโตต่อเนื่องจากความต้องการเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ กองทรัสต์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยภาคธุรกิจภายในประเทศจะฟื้นตัวจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของกองทรัสต์ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ FIRM จะยังคงติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลต่อการดำเนินงานของกองทรัสต์อย่างใกล้ชิดและบริหารจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ของ FTREIT ต่อไป"