'บมจ. พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น'
กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ในราคา 3.50 บาทต่อหุ้น เริ่มเปิดให้นักลงทุนจองซื้อ 4 - 8 ก.พ.นี้ พร้อมชู 5 กลยุทธ์หลักเพื่อสร้างความเป็นเลิศในทุกด้าน
'บมจ. พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น' หรือ PTC ผู้ประกอบธุรกิจคลังน้ำมันสำหรับรับ เก็บ ผสมและจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง กำหนดราคาขายหุ้น IPO ที่ 3.50 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อวันที่ 4 - 8 กุมภาพันธ์ 2565 วาง 5 กลยุทธ์หลักเพื่อสร้างความเป็นเลิศในทุกด้าน และศึกษาการลงทุนธุรกิจใหม่เพื่อสร้างรายได้ประจำ
บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 3 ราย เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ PTC ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
นายวีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC ผู้ประกอบธุรกิจคลังน้ำมันสำหรับรับ เก็บ ผสมและจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นสู่การเป็นหนึ่งบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ที่พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเสริมความเชื่อมโยงด้านระบบการขนส่งพลังงาน ให้ทุกพื้นที่มีโอกาสเข้าถึงพลังงานอย่างเท่าเทียมกัน บริษัทฯ มีความตั้งใจและมุ่งมั่นในการให้บริการเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมน้ำมันในประเทศไทย ผ่านกลยุทธ์เพื่อสร้างความเป็นเลิศในด้านต่าง ๆ ได้แก่ 1. สร้างฐานการให้บริการในทำเลที่เป็นเลิศ (Asset & Location excellence) เลือกจุดที่ตั้งสำคัญในการสร้างคลังที่เหมาะสมที่จะเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการเชื่อมต่อระบบขนส่งน้ำมัน และเป็นจุดศูนย์กลางการกระจายน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างมีประสิทธิภาพ 2. สร้างการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศ (Operational excellence)โดยการบริหารกระบวนการรับ เก็บ ผสม และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรฐานสากลในด้านความปลอดภัย ภายในต้นทุนการบริการที่มีประสิทธิภาพ 3. สร้างระดับการให้บริการที่เป็นเลิศ (Service excellence) ยึดมั่นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลักสำคัญ รับฟังความเห็นของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และนำคำแนะนำไปปรับปรุงสร้างบริการ หรือกระบวนการใหม่ ๆ มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 4. สร้างกระบวนการใช้เทคโนโลยีที่เป็นเลิศ (Technological excellence)ด้วยการนำเทคโนโลยี อุปกรณ์ดิจิทัล และโปรแกรมการจัดการทรัพยากรภายในคลังแบบอัตโนมัติและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่เหมาะสมเข้ามาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและการจัดการต้นทุน และ 5. สร้างทีมงานที่เป็นเลิศ (People excellence) เน้นสร้างรากฐานทีมบริหารและทีมปฏิบัติการที่ประกอบไปด้วยบุคลากร ที่มีความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ และประสบการณ์ในการทำงานต่าง ๆ โดยจะปลูกฝังบุคลากรให้ยึดถือค่านิยมขององค์กรและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการที่มีบทบาทสำคัญในการกระจายน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับสถานีบริการน้ำมันครอบคลุมทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย 1) บริการรับ เก็บ และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปประเภทเบนซินและดีเซล ให้บริการที่คลังน้ำมัน จ.ขอนแก่น ("คลังขอนแก่น") และคลังน้ำมัน จ.ศรีสะเกษ ("คลังศรีสะเกษ") และ 2) บริการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงพื้นฐานตามสูตรเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปตามที่ลูกค้าต้องการ ให้บริการที่คลังศรีสะเกษ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTC กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน คือ 1.) การเพิ่มประสิทธิภาพในการรับ-จ่ายน้ำมัน รองรับวิธีการขนส่งน้ำมันที่หลากหลาย โดยได้วางแผนสร้างจุดรับน้ำมันทางรถไฟที่คลังศรีสะเกษ เพื่อลดต้นทุนการขนส่งของลูกค้า จากปัจจุบันที่ให้บริการการรับน้ำมันทางรถบรรทุกเพียงทางเดียว พร้อมเพิ่มจำนวนสถานีบริการที่มารับน้ำมันจากคลังของบริษัทฯ 2.) มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบพลังงานเพื่อให้ทุกพื้นที่ มีโอกาสเข้าถึงพลังงานอย่างเท่าเทียมกัน และ 3.) เสริมธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนใหม่ในโครงการที่มีศักยภาพ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชน, โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, โรงไฟฟ้าขยะ และโซลาร์ เพื่อกระจายฐานรายได้ และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง
นางจารีรัตน์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 3.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมสะท้อนพื้นฐานและศักยภาพ การเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจคลังน้ำมันพื้นที่ภาคอีสานตอนบน-ล่าง ซึ่งจากการสั่งสมประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางบกและสถานีบริการน้ำมันมากว่า 20 ปี ทำให้มีความเข้าใจในธุรกิจได้เป็นอย่างดี ส่งผลต่อการพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของอุตสาหกรรมพลังงานให้มีประสิทธิภาพ โดยจะเปิดจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 4 - 8 กุมภาพันธ์ 2565 และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ "PTC"
"มั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น IPO ของ PTC ครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนรายย่อย โดยการกำหนดราคาหุ้น ที่ราคา 3.50 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากศักยภาพการเติบโตและเป้าหมายการดำเนินงาน ทำให้ PTC มีความสามารถเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาวอย่างแน่นอน" นางจารีรัตน์ กล่าว
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ของ บมจ. พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินงานและฐานะการเงินเพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนต่างๆ ซึ่ง PTC เป็นบริษัทคลังน้ำมันที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน และมีบทบาทสำคัญในการกระจายน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับสถานีบริการน้ำมันครอบคลุมทั่วทั้งภาคอีสาน ด้วยที่ตั้งของคลังน้ำมันอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการเชื่อมต่อระบบขนส่งน้ำมัน และเป็นจุดศูนย์กลางการกระจายน้ำมัน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สามารถทำรายได้เติบโตสม่ำเสมอตามปริมาณการจ่ายน้ำมันที่มากขึ้น ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ และอัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในระยะยาว
ปัจจุบัน บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น มีทุนจดทะเบียน 205 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 150 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 110 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 26.83 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการชำระเงินกู้แก่สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ