ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 54.16 จุด ปอนด์แข็ง  (อ่าน 366 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Hanako5

  • *
  • กระทู้: 861
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 54.16 จุด ปอนด์แข็ง-BoE ขึ้นดอกเบี้ยฉุดตลาด

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) โดยถูกกดดันจากการที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นอย่างมาก หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันเพื่อสกัดกั้นอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,528.84 จุด ลดลง 54.16 จุด หรือ -0.71%

ตลาดหุ้นลอนดอนถูกกดดัน เนื่องจากค่าเงินปอนด์ที่พุ่งขึ้นอย่างมากส่งผลกระทบหุ้นกลุ่มส่งออก

ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในการประชุมในวันพฤหัสบดีตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547

นอกจากนี้ BoE ยังคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในอังกฤษจะแตะระดับสูงสุดที่ 7.25% ในเดือนเม.ย. จากเดิมที่คาดไว้ที่ระดับ 6% หลัง Ofgem ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐบาลอังกฤษที่มีหน้าที่กำหนดเพดานค่าไฟฟ้า ได้ประกาศปรับเพดานค่ากระแสไฟฟ้าสำหรับภาคครัวเรือนในวันนี้ โดยจะเพิ่มขึ้น 54% ในเดือนเม.ย. จากปัจจุบันที่มีการกำหนดเพดานเฉลี่ยที่ระดับ 1,277-1,370 ปอนด์ต่อปี

ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมในวันพฤหัสบดีตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้ว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวเหนือเป้าหมาย 2% ของ ECB

ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

ขณะเดียวกัน ECB ระบุว่า ทางธนาคารจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) วงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโรในเดือนมี.ค.

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 0.3% สวนทางตลาด หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2554 หลัง BoE ลงมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งจากบริษัทต่าง ๆ ในกลุ่มพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภคได้ช่วยพยุงตลาดด้วย โดยหุ้นคอมพาสส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทด้านการจัดเลี้ยง พุ่งขึ้น 4% หลังเปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกสูงถึง 97% ของระดับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด

หุ้นเชลล์ พุ่งขึ้น 1.4% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นแตะ 6.4 พันล้านดอลลาร์ รวมทั้งเปิดเผยแผนเพิ่มเงินปันผลและซื้อคืนหุ้น