ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก ก่อนการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในคืนนี้ที่คาดว่าจะอยู่ในภาวะอ่อนแอ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของยูโร หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวานนี้
ณ เวลา 19.44 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.08% สู่ระดับ 114.86 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.23% สู่ระดับ 131.80 เยน และดีดตัวขึ้น 0.32% สู่ระดับ 1.148 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.17% สู่ระดับ 95.22
ดัชนีดอลลาร์ทรุดตัวลง 2% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานดังกล่าวจะอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐทรุดตัวลงในเดือนดังกล่าว
ทั้งนี้ ผลการสำรวจระบุว่า นักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนม.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 150,000 ตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าตัวเลขจ้างงานดังกล่าวจะลดลงถึง 400,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%
ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 422,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.9% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.1%
ทางด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐทรุดตัวลงในเดือนม.ค. โดยมีการจ้างงานลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ทั้งนี้ ADP เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีการจ้างงานลดลง 301,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง
ภาคบริการมีการจ้างงานลดลง 274,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงานลดลง 27,000 ตำแหน่ง
ก่อนหน้านี้ ADP เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนพุ่งขึ้น 776,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. จากระดับ 505,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.
นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการแถลงข่าวหลังการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของ ECB เมื่อวานนี้
ทั้งนี้ นางลาการ์ดกล่าวยอมรับว่า เงินเฟ้อได้พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ และความเสี่ยงของแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะในระยะใกล้ ขณะที่การขยายตัวของราคาในยูโรโซนเริ่มอยู่ในวงกว้างมากขึ้น
"ขณะนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว" นางลาการ์ดกล่าว
ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า ECB ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ใช่หรือไม่ นางลาการ์ดกล่าวว่า ECB จะทำการประเมินสถานการณ์อย่างระมัดระวัง และการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ ECB ได้รับ
ท่าทีดังกล่าวของนางลาการ์ดถือว่าแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ซึ่งได้เคยส่งสัญญาณว่า ECB ไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยระบุว่า "แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น แต่ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงในระยะกลาง" ขณะที่ ECB มักระบุว่าเงินเฟ้อในยูโรโซนมีสาเหตุจากปัจจัยชั่วคราว และเงินเฟ้อดังกล่าวจะชะลอตัวลงเมื่อเวลาผ่านไป