ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อมองขาดในเรื่องการตลาด ธุรกิจของเราก็จะราบรื่นขึ้น  (อ่าน 395 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ amazonian

  • *
  • กระทู้: 5
  • Popular Vote : 0

เราเคยสังเกตบ้างหรือไม่ว่า นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งรุ่นที่เป็นตำนานและนักธุรกิจหน้าใหม่ ไฟแรง อายุน้อย เขาผ่านการเดินทาง เส้นทางการทำธุรกิจมาแบบไหนบ้าง พบเจออุปสรรคและโอกาสใดๆถึงสามารถก้าวผ่านทุกวิกฤติจนมีทั้งชื่อเสียงและความสำเร็จ เพราะเราจะได้ยินแต่เรื่องราวที่เป็นด้านความสำเร็จ แต่ไม่ค่อยได้ฟังในเรื่องความล้มเหลว เราจึงคิดว่าความสำเร็จที่พวกเขาเหล่านั้นได้มาไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

การทำธุรกิจ ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ การศึกษาในเบื้องต้นเกี่ยวกับการหากลุ่มเป้าหมาย การทำการตลาดคือสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ในเมื่อสมัยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว การตลาดก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งการสร้าง connection จะส่งผลค่อนข้างมากในการประสานงานด้านธุรกิจ แต่กว่าจะเข้าไปถึง connection ได้นั้น เราต้องสร้างโปรไฟล์ ความน่าไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือหลายปี ต่างกับในสมัยปัจจุบันที่แพล็ตฟอร์มและเทคโนโลยีต่างๆเข้ามามีบทบาท แทบจะสามารถทำทุกอย่างได้แค่ปลายนิ้ว ศึกษางานและเรียนรู้ได้จากหลายแหล่ง การหา connection ก็สามารถหาได้หลากหลายทั่วโลก เพราะการสื่อสารที่ไร้พรมแดน รวมไปถึงการวิเคราะห์ตลาดที่สามารถดูรายละเอียดและสามารถคาดการณ์สถานการณ์ได้ล่วงหน้าอีกด้วย ทำให้เราสามารถเตรียมความพร้อมหากมีสิ่งใดๆเกิดขึ้น จากบทความที่ได้สืบค้นบนสื่อออนไลน์อย่าง Google ระบุว่า แนวความคิดทางการตลาด เป็นการกำหนดแนวทางในการปฏิบัติงานทางการตลาด และจัดสรรทรัพยากรของกิจการ เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายตามแนวทางนั้น แนวทางการตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของสังคม ระบบเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีจุดเริ่มต้นขึ้นในช่วงของการปฎิวัติอุตสาหกรรม ที่มีการนำเครื่องจักรมาใช้ในกระบวนการผลิตแทนแรงงานคนที่ทำด้วยมือ ในลักษณะของการผลิตจำนวนมาก (Mass Production) เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ซึ่งทำให้การตลาดมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์มีปริมาณมากขึ้น คู่แข่งขันมีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงเริ่มเกิดแนวความคิดทางการตลาดและได้มีการพัฒนาขึ้นตามลำดับ เป็นวิวัฒนาการของแนวความคิดทางการตลาด แนวความคิดแบบมุ่งเน้นการผลิต (Production concept) เป็นแนวความคิดที่เปลี่ยนแปลงจากการทำเกษตรกรรมมาเป็นการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและมีการนำเครื่องจักรเข้ามาใช้ในการผลิตแทนการผลิตด้วยมือ ทำให้สามารถผลิตสินค้าได้มากขึ้น นักการตลาดจึงให้ความสำคัญกับการผลิตและกระบวนการผลิต โดยพยายามคิดค้นวิธีการผลิตใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ผลผลิตในปริมาณมากภายใต้ต้นทุนการผลิตที่ต่ำที่สุด สินค้าที่จะใช้บริโภคมีมากกว่าอุปทาน (Supply) ซึ่งเป็นปริมาณของการเสนอขายสินค้าที่ผลิตสินค้าออกสู่ตลาด แนวความคิดทางการตลาดแบบมุ่งเน้นการผลิตนี้ จะยึดหลักว่าผู้บริโภคจะพิจารณาซื้อด้วยความพึงพอใจในสินค้าที่มีราคาต่ำและหาซื้อได้ง่าย นักการตลาดจึงต้องปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น เพื่อลดทุนให้ต่ำและจัดจำหน่ายให้ทั่วถึง ซึ่งจะเป็นตลาดของผู้ขายหรือตลาดผูกขาด