ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 371.65 จุด  (อ่าน 320 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ fairya

  • *
  • กระทู้: 1,190
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 371.65 จุด หุ้นแบงก์ดีดแรงหลังบอนด์ยีลด์พุ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันอังคาร (8 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2562 ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นขานรับแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้นแอมะซอน และแอปเปิล

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,462.78 จุด เพิ่มขึ้น 371.65 จุด หรือ +1.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,521.54 จุด เพิ่มขึ้น 37.67 จุด หรือ +0.84% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,194.45 จุด เพิ่มขึ้น 178.79 จุด หรือ +1.28%

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 1.9% หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 1.965% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2562 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

ทั้งนี้ หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทะยานขึ้น 3.26% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 1.87% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 1.79% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.16% ดีดขึ้น 1.11% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 1.10%

นักลงทุนส่งแรงซื้อเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเช่นกัน โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 1.2% หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.85% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 1.62% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ทะยานขึ้น 3.69%

เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์จากบริษัท Corporation แสดงความเห็นว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้เป็นไปในลักษณะหมุนเวียนกลุ่มลงทุน (Sector Rotation) โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคารอย่างคึกคัก และคาดว่าการหมุนเวียนกลุ่มลงทุนจะเกิดขึ้นต่อไปอีกระยะหนึ่ง พร้อมกับกล่าวว่า นักลงทุนอยู่ในช่วงของการปรับตัวกับฤดูการรายงานผลประกอบการ และเตรียมพร้อมที่จะรับรู้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้

ขณะที่สก็อตต์ แลดเนอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Horizon Investments กล่าวว่า อีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ มาจากการที่นักลงทุนขานรับการประชุมหารือระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อการคลี่คลายวิกฤตการณ์ยูเครน

เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสกล่าวว่า ปธน.ปูตินให้คำมั่นกับปธน.มาครงว่า รัสเซียจะไม่ดำเนินการทางการทหารใดๆ ใกล้กับชายแดนยูเครนในขณะนี้ และจะถอนกำลังทหารที่เข้าไปฝึกในเบลารุสที่มีพรมแดนติดกับยูเครนเมื่อการซ้อมรบสิ้นสุดลง

หุ้นฮาร์เลย์-เดวิดสัน อิงค์ ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 15.53% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 14 เซนต์ สวนทางกับที่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จะขาดทุนที่ระดับ 38 เซนต์

หุ้นแอมเจน ซึ่งเป็นบริษัทเฮลธ์แคร์ พุ่งขึ้น 7.82% ขณะที่หุ้นโคตี้ ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 8.04% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2564 และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2565

หุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 2.84% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 2.384 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.412 หมื่นล้านดอลลาร์

ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.1% เนื่องจากการเจรจานิวเคลียร์อิหร่านที่ส่งสัญญาณคืบหน้าได้ฉุดราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งหลุดจากระดับ 90 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.6% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.52% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.73% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 2.31%

นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนม.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะพุ่งขึ้น 7.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2525

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่าตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.8% สู่ระดับ 8.07 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.30 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 7.93 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.

ทั้งนี้ การนำเข้าเพิ่มขึ้น 1.6% สู่ระดับ 3.089 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับ 2.281 แสนล้านดอลลาร์