ผู้เขียน หัวข้อ: MTC แจงปี 64 รายได้โตแต่กำไรหด,ปีนี้ดันพอร์ตแตะแสนลบ.  (อ่าน 374 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jenny937

  • *
  • กระทู้: 644
  • Popular Vote : 0
MTC แจงปี 64 รายได้โตแต่กำไรหด,ปีนี้ดันพอร์ตแตะแสนลบ.ก่อนโตเท่าตัวใน 4 ปี

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 64 มีกำไรสุทธิรวม 4,945 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 16,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,286 ล้านบาท หรือ 8.73% เทียบปี 63 ที่มีรายได้รวม 14,733 ล้านบาท

อนึ่ง MTC แจ้งกำไรปี 64 เท่ากับ 4.95 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.33 บาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไร 5.21 พันล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.46 บาท

นายชูชาติ ระบุว่า แม้ภาพรวมการแข่งขันในตลาดสินเชื่อทะเบียนรถ และสินเชื่อส่วนบุคคลในระดับรากหญ้าจะมีความรุนแรง และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ด้วยโมเดลการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่มีความรัดกุมเพื่อป้องกันปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวสูงขึ้น และส่วนหนึ่งมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่บริษัทยังคงรักษาระดับความสามารถทำกำไรได้ จากการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ

"ภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้ของ MTC ออกมาเป็นที่น่าพอใจ แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างรุนแรง และเรายังคงรักษาระดับ NPL ให้อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.39% เท่านั้น โดยในปี 64 ยอดพอร์ตสินเชื่อรวม 91,812 ล้านบาท เติบโต 29.37% เมื่อเทียบกับพอร์ตสินเชื่อรวมในปี 63" นายชูชาติ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 65 ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อจะขยับขึ้นไปแตะที่ระดับ 1 แสนล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลักคือ เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) และธุรกิจที่ตั้งขึ้นใหม่ คือ เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) และเมืองไทย เพย์ เลเทอร์ (MTPL) เป็นธุรกิจที่จะเข้ามาสนับสนุนการทำธุรกิจในอนาคต โดยมีการวางแผนการทำตลาดทั้งลูกค้าเดิมที่มีประวัติการชำระหนี้ดี และการเข้าหาลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการใช้บริการผ่านการดำเนินงานของสาขาที่มีบริการมากกว่า 5,800 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงการเปิดสาขาใหม่กว่า 700 สาข/ปี

ส่วนแผนการเติบโตในอีก 4 ปี ข้างหน้าคือปี 69 บริษัทวางเป้าพอร์ตสินเชื่อทะลุ 2 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว เทียบปี 65 ที่วางเป้าทะลุ 1 แสนล้านบาท ซึ่งการจะก้าวสู่เป้าหมายดังกล่าว บริษัทต้องเติบโต 20-25% ต่อปี ตลอด 4 ปี รวมทั้งควบคุมหนี้เสียไม่เกิน 2% และลดดอกเบี้ยในระดับที่เหมาะสมกับลูกค้า

นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับเงื่อนไขในการให้บริการที่ไม่เอาเปรียบลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ MTC ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน โดยให้พนักงานรับผิดชอบการปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพของสาขา โดยการเปิดสาขา เน้นจุดที่มีชุมชน และมีลูกค้ามาใช้บริการจำนวนมากเพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้าและลดข้อร้องเรียน

ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานในอนาคต นอกจากธุรกิจหลักของ MTC ที่เน้นเรื่องสินเชื่อทะเบียนรถ, สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ,สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อที่ดิน แล้ว ในปี 65 บริษัทได้เร่งทำการตลาดเพิ่มอีก 2 ธุรกิจ คือ บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด ที่ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยตั้งเป้าว่าในปี 65 จะมียอดสินเชื่อคงค้างราว 1 หมื่นล้านบาท และบริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด ที่ให้บริการซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง กับกลุ่มลูกค้าเดิม และหาลูกค้าใหม่มาเพิ่มเติม โดยการเสนอสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า ,คอมพิวเตอร์ , เครื่องใช้และของใช้ในบ้าน ตามนโยบาย ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง ซึ่งทั้ง 2 บริษัท ถือหุ้นโดยเมืองไทย แคปปิตอล เกือบ 100%

บริษัทมั่นใจว่าแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อในปี 65 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ความต้องการสินเชื่อกลับมาเติบโตได้ดี และรัฐบาลเริ่มส่งสัญญาณคลายล็อกดาวน์เพิ่มเติม ทำให้บริษัทสามารถรุกตลาดและขยายสาขาได้มากขึ้น อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากการเปิดบริการเมืองไทย เพย์ เลเทอร์ ทำให้ขยายฐานลูกค้าและกลุ่มสินเชื่อให้มีความหลากหลาย ทำให้เป็นปัจจัยผลักดันสินเชื่อเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง