LINE BK เป้าพอร์ตสินเชื่อปี 65 แตะ 2 หมื่นลบ.เปิดแคมเปญ
การตลาดผ่านเสียงเพลงนายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด (LINE BK) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อในปี 65 เพิ่มขึ้นไปแตะ 2 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 64 ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยที่บริษัทมองความต้องการสินเชื่อของภาคครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกประเภท ตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าจะได้เห็นความต้องการสินเชื่อเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังเป็นปัจจัยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม และปัญหาความยุ่งยากในการเข้าถึงสินเชื่อของคนไทย ทำให้กลุ่มคนที่ไม่มีรายได้ประจำและคนทำงานอาชีพอิสระอาจไม่ได้รับโอกาสในการอนุมัติสินเชื่ออยู่บ้าง ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทยอมรับว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมายังคงมีความระมัดวังและเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออยู่บ้าง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อยกว่า 12,000 บาท/เดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความไม่แน่นอนของรายได้อยู่บ้าง ซึ่งเป็นกลุ่มสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ รวมถึงกลุ่มที่มีรายได้ราว 30,000 บาท/เดือน ก็มีการพิจารณาในเรื่องวินัยในการชำระคืนหนี้เข้ามาประกอบด้วย ทำให้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาการปล่อยสินเชื่อยังคงสามารถปล่อยได้เรื่อยๆ
"ปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาถึงต้นปีนี้ แม้ว่าเราจะเห็นการจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ เราจึงยังไม่เร่งในการกลับมารุกการปล่อยสินเชื่อมาก ยังคงมีการระมัดระวังอยู่บ้าง เพราะเราอยากดูสถานการณ์ต่างๆให้แน่ใจก่อน และดูพฤติกรรมของลูกค้าในการชำระคืนหนี้ว่าเป็นอย่างไร เพราะหากเศรษฐกิจกลับคืนมา คนกลับมาทำงานมีรายได้มากขึ้น คนปล่ยสินเชื่อก็มั่นใจว่าคนที่ยืมเงินไปมีความสามารถในการนำเงินกลับมาคืนให้ ซึ่งเราก็จะดูไปจนถึงในช่วงเดือนเ.ม.ย.นี้ และหลังจากนั้นถ้าเราแน่ใจแล้วก็จะเริ่มกลับมารุกตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง ที่เราอยากสร้างวอลลุ่มให้เพิ่มมากขึ้นอีก และสร้างฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น พร้อมกับทำให้คนนึกถึงการยืมเงินผ่าน LINE BK" นายธนา กล่าว
สำหรับบริการสินเชื่อ LINE BK ขณะนี้มีอยู่ 2 ประเภท คือ วงเงินให้ยืม (Credit Line) สินเชื่อส่วนบุคคล และวงเงินให้ยืมนาโน (Nano Credit Line) สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยมีการปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 500,000 บัญชี ด้วยยอดรวมสินเชื่อกว่า 3 หมื่นล้านบาท ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของลูกค้า LINE BK เป็นผู้มีอาชีพอิสระ และอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดเกือบ 80%
ในปี 65 LINE BK ยังคงตั้งใจเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือกลุ่มคนที่ไม่มีรายได้ประจำเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ต้องการเข้าแหล่งเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยวางแผนขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นและครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด
นอกจากนี้บริษัทยังทำแคมเปญการตลาดผ่านเพลง "ที่พึ่งทางไลน์" โดยร่วมมือกับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ RSIAM ในเครือ RS GROUP โดยดึงนักร้องลูกทุ่งคุณภาพอย่าง ใบเตย อาร์สยาม และ URBOYTJ แร็ปเปอร์ชื่อดัง มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของเพลงในรูปแบบลูกทุ่งผสมแร็ป ใช้สื่อสารด้วยเนื้อหาที่ฟังง่าย ติดหู สนุกสนาน และเข้าถึงทุกเพศทุกวัย
"ที่ผ่านมาเชื่อว่ามีปัญหาที่ผู้คนอาจเข้าไม่ถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภทที่มีความซับซ้อน เข้าถึงยาก จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจว่าแต่ละผลิตภัณฑ์เหมาะกับใคร และตัวเขาเองนั้นเหมาะกับผลิตภัณฑ์ไหน โดยเนื้อหาของเพลงได้หยิบเอา Pain Point ปัญหาเรื่องเงินของคนมาผสมผสานกลิ่นอายของเพลงลูกทุ่งและแร็ป อาทิ คำว่า พอสิ้นเดือนทีไรหัวใจจะวาย? ค่าไฟมารอแล้วนี่และค่าใช้จ่ายก็เยอะ พร้อมหาทางออกเรื่องดังกล่าวในเพลงด้วยคำติดหูว่า ไม่ไหว?ไลน์มา หรือ ร้อนเงินเมื่อไหร่ยืมไลน์ง่ายกว่า"นายธนา กล่าว
พร้อมกันนี้ยังได้เจาะตลาดไปทางสื่อต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้เกิดการสื่อสารไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแบบครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อีกทั้งยังเพิ่มความสนุกจัดเต็มด้วยการเปิดตัวสติกเกอร์ LINE : พี่หมี BROWN & FRIENDS ที่เป็นคาแรคเตอร์เฉพาะของ LINE BK เพื่อเป็นการมอบความสุขและขอบคุณผู้ใช้บริการ LINE BK ตลอดกว่า 1 ปีที่ผ่าน ที่มีมากกว่า 4 ล้านราย โดยเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีตั้งแต่วันนี้-15 พ.ค.65
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรอื่นๆที่จะเข้ามาเสริมในการขยายช่องทางในการทำการตลาดสินเชื่อร่วมกับ LINE BK หลังจากปีก่อนบริษัทได้จับมือกับ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ในการเปิดบริการ "ใจดี มีวงเงินให้ยืม" ซึ่งได้เริ่มทดลองเปิดให้บริการไปแล้ว และอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบเพิ่มเติม ซึ่งมีบานลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการสินเชื่อผ่านบริการที่ร่วมกับ DTAC ราวหลักหมื่นราย และคาดว่าในปีนี้จะมีการร่วมมือกับพันธมิตรอื่นๆที่เข้ามาสร้างสีสันใหม่ๆให้กับบริการของ LINE BK ในด้านการให้บริการสินเชื่อ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพูดคุยกับพันธมิตร
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพสินเชื่อในพอร์ตของ LINE BK อย่างต่อเนื่อง โดยที่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ LINE BK อยู่ที่ 4% ซึ่งคาดว่าจะคุมให้ใกล้เคียงกับระดับดังกล่าว ซึ่งยังเป็นระดับที่บริษัทสามารถบริหารจัดการได้ แต่ระดับดังกล่าวยังไม่สามารถเทียบว่ามากหรือน้อยกว่าอุตสาหกรรม เพราะจำนวนสินเชื่อของ LINE BK ถือว่ามีจำนวนที่ยังไม่มากเมื่อเทียบกับสินเชื่อรวมในอุตสาหกรรม เพราะธุรกิจเพิ่งเริ่มมาได้เพียง 15 เดือนเท่านั้น
ส่วนการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเปิดให้มีการขอใบอนุญาตดำเนินกิจการ Virtual Banking นั้นบริษัทมองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้มีผู้เล่นรายใหม่ๆเข้ามาในตลาดมากขึ้น ซึ่งมีผลต่อการแข่งขันที่สูงขึ้นตาม แต่มองว่าศักยภาพของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดยังคงมีศักยภาพที่สูงในการแข่งขัน และยังสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้มากอยู่ อีกทั้งระบบธนาคารในปัจจุบันก็ได้เข้าสู่ระบบออนไลน์ไปมากแล้ว ทำให้ความแตกต่างของการทำ Virtual Banking กับการทำธุรกรรมผ่านธนาคารในช่องทางออนไลน์และดิจิทัลต่างๆไม่แตกต่างกัน