'บลิงเกน' เตือนรัสเซียรับรอง 'โดเนตสก์-ลูฮันสก์' ถือเป็น
การละเมิดอธิปไตยยูเครน
นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า การที่รัฐสภารัสเซียอนุมัติร่างกฎหมายรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และบั่นทอนอธิปไตยของยูเครน
'การออกกฎหมายดังกล่าวทำให้มีข้อสงสัยต่อความมุ่งมั่นของรัสเซียในการใช้แนวทางการทูตเพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ในยูเครนด้วยสันติวิธี' นายบลิงเกนกล่าว
นอกจากนี้ นายบลิงเกนยังเตือนว่า สหรัฐและพันธมิตรจะตอบโต้การดำเนินการดังกล่าวของรัสเซีย เนื่องจากถือว่ารัสเซียได้ละเมิดข้อตกลงมินสก์
ด้านนายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้รับทราบมติของสภาดูมาแล้ว ในการอนุมัติร่างกฎหมายรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์
อย่างไรก็ดี นายเพสคอฟกล่าวว่า ปธน.ปูตินยังคงไม่ได้ลงนามในร่างกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากมองว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่สอดคล้องกับ ข้อตกลงมินสก์ปี 2014-15
ท่าทีของปธน.ปูตินบ่งชี้ว่า รัสเซียจะยังไม่ให้การรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ แต่ยังคงเปิดช่องในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในอนาคต
ทั้งนี้ สภาดูมา ซึ่งเป็นสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย ให้การอนุมัติวานนี้ต่อร่างกฎหมายรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ฝักใฝ่รัสเซีย
สมาชิกรัฐสภาให้การรับรองร่างกฎหมายดังกล่าวจำนวน 351 เสียง คัดค้าน 16 เสียง
นายยาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาดูมา กล่าววานนี้ว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะถูกส่งต่อไปยังปธน.ปูตินโดยทันทีเพื่อลงนามเป็นกฎหมาย ซึ่งจะเป็นการรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระและมีอธิปไตยของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์
'ยูเครนไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงมินสก์ ขณะที่ประชาชนของเราที่อยู่ในดอนบาสจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ และปกป้องจากภัยคุกคามจากภายนอก รวมทั้งจะเป็นการสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค' นายโวโลดินกล่าว
อย่างไรก็ดี หากปธน.ปูตินให้การรับรองกฎหมายดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ก็จะเป็นการสร้างความขัดแย้งครั้งใหม่ต่อวิกฤตการณ์ในยูเครน เนื่องจากการรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ จะถือเป็นการฉีกข้อตกลงมินสก์ ซึ่งมีเป้าหมายในการยุติสงครามแบ่งแยกดินแดนในดอนบาส หลังจากที่ได้คร่าชีวิตของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและกองกำลังยูเครนถึง 15,000 คน