สรรพสามิต เผย
จัดเก็บรายได้ 4 เดือนแรกปีงบ 65 ที่ 1.86 แสนลบ.
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.64 - ม.ค.65) ว่า กรมสรรพสามิต สามารถจัดเก็บรายได้ จำนวนทั้งสิ้น 186,553 ล้านบาท ซึ่งรายได้ภาษีสรรพสามิตทุกประเภท โดยเฉพาะภาษีน้ำมัน รถยนต์ และเบียร์ มีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ดี ในปีงบประมาณ 2564 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง กรมสรรพสามิตจึงได้ชะลอการปรับปรุงโครงสร้างภาษีใหม่ แต่มุ่งเน้นออกมาตรการภาษี เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และผู้ประกอบอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น ได้แก่
1. มาตรการขยายระยะเวลาสำหรับสินค้าสุราสามทับที่นำไปทำการแปลงสภาพเพื่อเพิ่มปริมาณเจลแอลกอฮอล์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือในราคาที่เหมาะสมและมีปริมาณเพียงพอ
2. มาตรการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีสินค้าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินไอพ่น เพื่อช่วยเหลือสายการบินภายในประเทศให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้น ลดการเลิกจ้างในอุตสาหกรรมการบิน และสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในประเทศ
3. มาตรการขยายระยะเวลาการขึ้นอัตราภาษีเครื่องดื่มตามปริมาณน้ำตาลระยะที่ 3 เพื่อเป็นการเยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม และชะลอการปรับราคาสินค้าต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการรายย่อย
4. มาตรการอนุมัติฉลากสินค้าสุราผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประสงค์จะนำสุราเข้ามาในราชอาณาจักรในการยื่นคำขอใช้ฉลากปิดภาชนะบรรจุสุราที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร และเพื่อให้การอนุมัติฉลากเป็นไปด้วยความรวดเร็ว สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการให้บริการด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
5. มาตรการภาษีสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน ประเภทน้ำมันชีวภาพสังเคราะห์ (Renewable Diesel : RD) เพื่อช่วยเหลือรายได้เกษตรกร นำผลผลิตทางการเกษตรมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนมากขึ้น
6. มาตรการปรับโครงสร้างภาษียาสูบ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยาสูบ และเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ โดยให้มีระยะเวลาในการปรับตัว เพื่อรองรับกับโครงสร้างภาษีบุหรี่ซิกาแรตตามมูลค่าแบบอัตราเดียวในอนาคต
7. มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่สำหรับผู้ประกอบการรายเดิม ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 ถึง วัน 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ไม่อาจประกอบกิจการได้ตามปกติ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวด้วยว่า กรมฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการจัดเก็บภาษีเพื่อสังคม สิ่งแวดล้อม และพลังงาน โดยจะนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารการจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิต เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพทางการคลังอย่างยั่งยืน อาทิ การพัฒนาระบบ Direct Coding และ E-stamp ในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสินค้าสุรา เบียร์ และยาสูบ รวมถึงการนำระบบ e-Lock เพื่อควบคุมและตรวจสอบการส่งออกน้ำมัน มาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และส่งเสริมการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนภายในประเทศ เป็นต้น ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเยียวยาภาคประชาชนและภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นอกจากนี้ จะดำเนินการยกระดับการให้บริการที่ทันสมัย สะดวก และรวดเร็ว มุ่งพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรต้นแบบโดยยึดหลักธรรมาภิบาล สร้างความน่าเชื่อถือให้กับประชาชน ผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน