ครม.ปรับเกณฑ์บริหารกองทุนน้ำมันฯ
เพิ่มประสิทธิภาพดูแลเสถียรภาพราคาในปท.กรณีเกิดวิกฤต
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างแผนรองรับวิกฤตการณ์น้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2563-2567 (ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1) เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้ตามพระราชกฤษฎีกาการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศ พ.ศ.2564 ซึ่งสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ตราขึ้นเพื่อให้กองทุนน้ำมันและเชื้อเพลิงมีเงินเพียงพอในการบริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน
ทั้งนี้ ร่างแผนรองรับวิกฤตการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงฯ ได้ทบทวนหลักเกณฑ์การบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในกรณีวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ดังนี้
1.ทบทวนกรอบวงเงินกู้ จากเดิมที่กำหนดว่า "...ต้องมีจำนวนเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อรวมเงินกู้ (จำนวนไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท) แล้วต้องไม่เกินจำนวน 40,000 ล้านบาท..." แก้ไขเป็น "...ต้องมีจำนวนเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกู้แล้วต้องไม่เกินจำนวน 4 หมื่นล้านบาท..."
2.ทบทวนกรณีฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบ จากเดิม "ข้อ 5.5) กรณีฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบ 20,000 ล้านบาท ให้กองทุนน้ำมันและเชื้อเพลิงหยุดการชดเชย" แก้ไขเป็น "กรณีฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบ 20,000 ล้านบาท หรือติดลบตามจำนวนที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 26 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงหยุดการชดเชย"