AWC เผย Q4/64
รายได้-กำไรโตกว่า 100% รับผลดีคลายล็อกดาวน์-เปิดประเทศ
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/64 มีรายได้รวมตามงบการเงิน 3,086 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.6% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ มีกำไรสุทธิตามงบการเงิน 967 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลดีจากนโยบายผ่อนคลายล็อกดาวน์และการเปิดประเทศในเดือนพ.ย. ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเริ่มพื้นตัว และการดำเนินธุรกิจของบริษัทเริ่มกลับเข้าสู่สภาพใกล้เคียงปกติ อีกทั้งยังมีสัญญาณดีจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลายขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังได้รับกำไรจากการรวมมูลค่ายุติธรรมของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/64 ตามงบการเงินเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และหากเทียบกับไตรมาส 3/64 กำไรสุทธิของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น 40.7% แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการพื้นตัวของธุรกิจและความพร้อมในการกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริษัท
"ไตรมาส 4/2564 เป็นไตรมาสที่ผลประกอบการของเราดีที่สุดในรอบปี ถือเป็นสัญญาณบวกของการเริ่มฟื้นตัวกลับมาของเศรษฐกิจในภาพรวม เราจึงมีความมั่นใจอย่างมากว่า หากสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายในปี 65 ทุกกลุ่มธุรกิจของ AWC จะกลับมาฟื้นตัวและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ดังนั้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเราจึงมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการดำเนินงานในทุกส่วนเพื่อให้บริษัทมีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นพร้อมทั้งลงทุนพัฒนาโครงการคุณภาพใหม่ๆ และร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการกลับมาของเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย" นางวัลลภา กล่าว
ทั้งนี้ หากรวมผลการดำเนินงานรวมทั้งปี 64 บริษัท มีกำไรสุทธิตามงบการเงินจำนวน 861 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยในช่วงปี 63-64 ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมุ่งพัฒนาโครงการคุณภาพเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าและเป็นทรัพย์สินที่สามารถสร้างกระแสเงินสดเป็นบวกสะท้อนถึงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยได้แรงเสริมจากการร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกที่แข็งแกร่ง ที่สามารถดึงฐานลูกค้าศักยภาพสูง ให้กลับมาเดินทางท่องเที่ยวได้ทันทีหลังจากสถานการณ์มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
บริษัทมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ด้วยการเปิดโรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ ภูเก็ตให้เป็นจุดหมายปลายทางของโลก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกสู่จังหวัดภูเก็ต และเปิดให้บริการโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ รูปโฉมใหม่หลังการปรับปรุง พร้อมเปิดตัวห้องอาหารไฮไลท์แห่งใหม่ "โรลลิงริบส์ บริว บาร์แอนด์บาร์บีคิว" ใจกลางย่านสุรวงศ์-สีลม เพื่อสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ใหม่ให้ผู้บริโภค ตอกย้ำจุดยืนกรุงเทพมหานคร จุดหมายปลายทางแห่งการทำงานและพักผ่อนระดับโลก ซึ่งได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี นอกจากนี้ AWC ยังมีโครงการคุณภาพ ที่พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในปี 65 ได้แก่ โครงการเดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น, โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ และโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง
นอกจากนี้บริษัทยังเสริมโอกาสการเติบโต ด้วยแผนการจัดตั้งองค์กรการร่วมทุน (Investment Vehicle) เพื่อเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย มีมูลค่าเงินลงทุนรวมสูงสุดประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเทียบเท่าประมาณ 16,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะเข้าร่วมลงทุนประมาณร้อยละ 15 - 60 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด และส่วนเงินลงทุนที่เหลือจะเป็นการร่วมลงทุนจากผู้ลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งอยู่ในช่วงศึกษาโครงสร้างและสัดส่วนการเข้าลงทุนเพื่อผลประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้น
บริษัทเห็นว่าการจัดดำเนินการครั้งนี้จะเป็นการวางรากฐานในการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ โดยมาจากค่าธรรมเนียมในการพัฒนาและบริหารโครงการที่จะได้รับจากองค์กรการร่วมทุน (Investment Vehicle) นี้ ด้วยศักยภาพของกลุ่ม AWC และความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย พัฒนาชุมชุมโดยรอบ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป
"บริษัทมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าในระยะยาวร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ด้วยการพัฒนาคุณภาพโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งการสร้างโครงการคุณภาพเสริมพอร์ตทรัพย์สินให้เติบโตเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง ควบคู่กับการพัฒนาประสิทธิภาพของการดำเนินงานเพื่อเพิ่มศักยภาพของการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังมีการปรับรูปแบบธุรกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมลูกค้า รวมถึงพัฒนากลยุทธ์และกระบวนการดำเนินงานขององค์กรให้พร้อมรับกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยความมั่นคงและยั่งยืน บริษัทเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยจะกลับมาเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า ด้วยการเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยโครงการคุณภาพของกลุ่ม AWC เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เดินทางมาชื่นชมความสวยงามของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลก" นางวัลลภา กล่าว