ผู้เขียน หัวข้อ: SMT ลุ้นรายได้ปีนี้ทะลุเป้า 3.3 พันลบ.หากปัญหาชิปขาดคลี่คลาย-ลูกค้าใหม่เพิ่ม  (อ่าน 314 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Hanako5

  • *
  • กระทู้: 861
  • Popular Vote : 0
SMT ลุ้นรายได้ปีนี้ทะลุเป้า 3.3 พันลบ.หากปัญหาชิปขาดคลี่คลาย-ลูกค้าใหม่เพิ่ม

นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) (SMT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 65 มีโอกาสเติบโตกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 3.3 พันล้านบาท หากปัญหาขาดแคลนชิป ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ คลี่คลายลง ซึ่งจะมีผลอัพไซด์ต่อประมาณการรายได้ รวมถึงลูกค้าเก่าก็ยังคงสั่งซื้อสินค้าต่อเนื่อง และลูกค้าใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาด้วย จากความพร้อมด้านการผลิตของบริษัท

ปัจจุบัน SMT มียอดคำสั่งซื้อในมือเกิน 70% แล้ว หรือคิดเป็นมูลค่าราว 2.2 พันล้านบาท ดังนั้น เบื้องต้นเชื่อว่าทั้งปียอดขายจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ส่วนกำไรขั้นต้นปีนี้วางเป้าหมายไว้ที่ 18-20%

อีกทั้ง บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการได้ลูกค้าใหม่ในตลาดแถบยุโรป แสกนดิเนเวีย นอกเหนือจากธุรกิจด้าน Optics เพื่อต่อยอดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผลิตภัณฑ์ด้าน Power module, e-display และ professional audio ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าแล้ว 15 ราย มูลค่าคำสั่งซื้อรวม 5,000 ล้านบาท จึงมองว่าส่วนหนึ่งจะเข้ามาต่อยอดรายได้ในปี 65

พร้อมกันนี้บริษัทเตรียมขยายไลน์การผลิตใหม่อีกกว่า 12 รายการ ประกอบด้วย Block chain Hasher, Power Module และ High Speed Datalink, RF Power Amplifier, EV Battery Control และ Measuring Tools, Smart-home IoT, RFID Subsystem และ Silicon Photonics และ Satellite Internet, Optical Transceiver และ EV Power Panel เป็นต้น สำหรับโครงสร้างรายได้จากการขายในปี 65 จะแบ่งออกเป็น ผลิตภัณฑ์ OSAT 39% Optics 32% และ PCBA & Boxbuild 29% โดยแบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการสื่อสาร (Communication) 41%, IC 27%, Industrial 14%, Automotive 10%, Audio/Video 7% และ Medical 0.3% เป็นต้น ทั้งนี้ ฐานลูกค้าส่วนใหญ่ยังอยู่ในสหรัฐฯ กว่า 82% รองลงมา คือ ยุโรป 13% และเอเชีย 5% เป็นต้น นายวิรัตน์ กล่าวว่า บริษัทวางงบลงทุนปีนี้ไม่เกิน 20 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักร และเพิ่มศักยภาพของ warehouse ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 คาดว่าจะมีการเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์วัตถุดิบหลัก (raw material) ขาด Supply ปรับตัวดีขึ้น ทำให้มีการทยอยส่งมาให้กับบริษัทมาได้เพิ่มมากขึ้น และคาดว่าในไตรมาส 2/65 จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในเบื้องต้นคาดการณ์ว่าคำสั่งซื้อและการส่งมอบงานในไตรมาส 3/65 จะสูงสุดของปีนี้