ผู้เขียน หัวข้อ: BAY คาดกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 31.85-32.35 จับตาวิกฤตยูเครน  (อ่าน 329 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ dsmol19

  • *
  • กระทู้: 1,214
  • Popular Vote : 0
BAY คาดกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 31.85-32.35 จับตาวิกฤตยูเครน

กลุ่มงานโกล.มาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.85-32.35 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 32.18 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.09-32.70 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 8 เดือน ท่ามกลางกระแสเงินทุนไหลเข้าและราคาทองคำที่พุ่งขึ้น เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโร แต่อ่อนค่าเทียบกับเยนและฟรังก์สวิสในสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวอย่างผันผวน หลังรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 25-26 มกราคม ระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟดเห็นตรงกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ ขณะที่การจ้างงานแข็งแกร่ง แต่การตัดสินใจด้านนโยบาย จะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ตัวเลขเศรษฐกิจในการประชุมแต่ละครั้งไป โดยเฟดไม่ได้มีความเห็นแบบแข็งกร้าวมากเท่าที่ตลาดเคยกังวลไว้

นอกจากนี้ ตลาดขานรับความหวังที่ว่าสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนจะคลายตัวลงช่วงต้นสัปดาห์ แต่แนวโน้มความขัดแย้งปะทุขึ้นอีกครั้ง และหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังประธานาธิบดี โจ ไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวว่ามีสัญญาณว่ารัสเซียกำลังวางแผนใกล้จะบุกยูเครน ทางด้านรัสเซียอ้างว่าผู้นำสหรัฐฯ กระตุ้นความขัดแย้ง และรัสเซียระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของรัสเซีย

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 11,087 ล้านบาท และ 7,327 ล้านบาท ตามลำดับ

กลุ่มงานโกล.มาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะติดตามความเสี่ยงด้านรัฐภูมิศาสตร์จากประเด็นยูเครน และข้อขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก ซึ่งจะส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดหุ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยกระแสข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว จะเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดการเงินในระยะสั้น นอกจากนี้ นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลการใช้จ่ายบริโภคส่วนบุคคลเดือนมกราคมของสหรัฐฯ ขณะที่สัญญาดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่ามีโอกาสสูงกว่า 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 25bp ในการประชุมวันที่ 15-16 มีนาคม

สำหรับปัจจัยในประเทศ จีดีพีไตรมาส 4/64 ขยายตัว 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยทั้งปี 2564 เติบโต 1.6% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ขณะที่ในไตรมาสสุดท้ายของปี เศรษฐกิจได้แรงหนุนจากภาคส่งออก การใช้จ่ายภาครัฐ รวมถึงการบริโภคภาคเอกชน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)หรือ สภาพัฒน์ คงประมาณการว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวในช่วง 3.5-4.5%

อนึ่ง กรุงศรีมองว่า โมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จะส่งผลบวกต่อค่าเงินบาทอย่างชัดเจนมากขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้เงินบาทอาจเผชิญแรงขายทำกำไร หลังจากแข็งค่าอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว