ผู้เขียน หัวข้อ: ดอลลาร์ปรับตัวแคบเทียบสกุลเงินหลัก จับตาวิกฤตยูเครน  (อ่าน 380 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Ailie662

  • *
  • กระทู้: 817
  • Popular Vote : 0


ดอลลาร์ปรับตัวแคบเทียบสกุลเงินหลัก ขณะที่นักลงทุนจับตาวิกฤตการณ์ในยูเครน

ณ เวลา 00.31 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.05% สู่ระดับ 96.03 ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.37% สู่ระดับ 130.25 เยน และดีดตัวขึ้น 0.17% สู่ระดับ 1.133 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์แข็งค่า 0.18% สู่ระดับ 114.95 เยน

รัสเซียให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน และส่งกำลังทหารเข้าไปยัง 2 แคว้นดังกล่าวซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย

ล่าสุด วุฒิสภารัสเซียมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สามารถใช้กองทัพรัสเซียนอกประเทศได้เพื่อให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน

ทั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภาลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 153 เสียง โดยไม่มีเสียงคัดค้านแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ ปธน.ปูตินยื่นคำร้องต่อวุฒิสภาเพื่อขออนุมัติการใช้กำลังทหารนอกประเทศในการสนับสนุนสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ (DNR) และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ (LNR) ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งกลุ่มกบฎฝักใฝ่รัสเซียยึดครองอยู่ และได้ต่อสู้กับกองทัพยูเครนนับตั้งแต่ปี 2557

"การเจรจาได้หยุดชะงักลง ขณะที่ผู้นำยูเครนใช้ความรุนแรงและการนองเลือด พวกเขาทำให้เราไม่มีทางเลือกอื่น ส่วนนาโตก็ได้ให้อาวุธทันสมัยแก่ยูเครน" นายนิโคลาย แพนคอฟ รมช.กลาโหมรัสเซีย กล่าวต่อวุฒิสภาในนามของปธน.ปูติน

นายแพนคอฟกล่าวว่า "ตามสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือกับ DNR และ LNR ผมจึงขอยื่นข้อเสนอเพื่อให้วุฒิสภาเห็นชอบการใช้กองกำลังทหารของสหพันธรัฐรัสเซียนอกประเทศ"

ทางด้านสภาดูมา ซึ่งเป็นสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย ได้ให้การอนุมัติก่อนหน้านี้ต่อร่างกฎหมายรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ ขณะที่ปธน.ปูตินได้ลงนามรับรองร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว โดยถือเป็นการฉีกข้อตกลงมินสก์ ซึ่งมีเป้าหมายในการยุติสงครามแบ่งแยกดินแดนในดอนบาส หลังจากที่ได้คร่าชีวิตของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและกองกำลังยูเครนถึง 15,000 คน

สหรัฐเตรียมประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในวันนี้ เพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครนดังกล่าว ขณะที่อังกฤษประกาศคว่ำบาตรธนาคารรัสเซีย 5 แห่ง รวมทั้งนักธุรกิจชาวรัสเซีย 3 คน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ ซึ่งอาจเร็วและแรงกว่าที่คาดไว้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.

ขณะเดียวกัน ตลาดจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะแถลงต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2-3 มี.ค. โดยอาจเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินต่อสาธารณะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมหลังจากนั้นอีกเพียงไม่กี่วัน

ทั้งนี้ นายพาวเวลจะแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันที่ 2 มี.ค. และแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 3 มี.ค. โดยการแถลงทั้งสองวันจะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย