ผู้เขียน หัวข้อ: IVL เดินหน้าโครงการ Olympus ดัน EBITDA ส่วนเพิ่ม 650 ล้านเหรียญฯปี 67  (อ่าน 323 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Naprapats

  • *
  • กระทู้: 931
  • Popular Vote : 0
IVL เดินหน้าโครงการ Olympus ดัน EBITDA ส่วนเพิ่ม 650 ล้านเหรียญฯปี 67

นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) กล่าวถึงแผนธุรกิจปี 65-67 ว่า IVL จะเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างธุรกิจ บุคลากร และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบการทำงานเพื่อปลดล็อกศักยภาพอย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการเติบโตของ EBITDA และบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากเงินทุน (Return on Capital Employed: ROCE) กว่า 15% ภายในปี 67 การจัดสรรเงินทุนอย่างเป็นระบบสำหรับกระแสเงินสดมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐจะสร้างโอกาสต่างๆ ในการตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย

ทั้งนี้ โครงการ Olympus หรือโครงการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและเพิ่มประสิทธิผลของ IVL มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้สำหรับปี 65 บริษัทจึงได้ตั้งเป้าหมายที่สูงขึ้น โดยคาดหวังให้มี EBITDA ส่วนเพิ่มที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมูลค่ากว่า 650 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 67

นอกจากนี้ IVL ได้กำหนดวิสัยทัศน์ปี 73 โดยตั้งเป้าสร้างการเติบโตภายในที่มีความยั่งยืนเป็นสำคัญ ซึ่งได้รับชี้นำจากแก่นสำคัญขององค์กร (Purpose) ที่กำหนดขึ้นใหม่ นั่นคือ "Reimagining Chemistry Together to Create a Better World" ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ปี 73 จะนำไอวีแอลมุ่งสู่เส้นทางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero

ภายใต้วิสัยทัศน์ปี 2573 IVL วางแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนที่เกิดจากการผลิตของบริษัทฯ เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน และลดการใช้ถ่านหิน บริษัทฯ จะลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจรีไซเคิล PET และเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์สารตั้งต้นเชิงชีวภาพประมาณ 1 ใน 3 ของห่วงโซ่คุณค่าที่มีพื้นฐานจากโพลีเอสเตอร์ นอกจากนี้ มาตรการเพิ่มเติมที่จะเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับอนาคต ได้แก่ การพัฒนาผู้นำที่มี growth mindset และการให้อำนาจการตัดสินใจด้วยเครื่องมือการบริหารที่ถูกต้องเหมาะสม

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 64 ในปี 64 IVL มี Core EBITDA เท่ากับ 1,743 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบปีต่อปี) ด้วยปริมาณผลิต 14.72 ล้านเมตริกตัน (เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบปีต่อปี) รายได้จากการขายรวมเพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบปีต่อปี เท่ากับ 14,629 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว และรูปแบบการดำเนินธุรกิจของไอวีแอลที่มีความยืดหยุ่นได้รับผลประโยชน์จากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ราคาพลังงานที่สูงขึ้น และการชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

สถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคที่ดีขึ้นช่วยส่งเสริมผลการดำเนินของ IVL ซึ่งรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลต่างๆ สำหรับตลาดสินค้าคุณภาพสูงในฝั่งตะวันตก ค่าขนส่งระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากราคาในท้องถิ่นที่ปรับขึ้นเทียบเคียงกับราคาสินค้านำเข้า โดยในไตรมาสที่ 4 การประกาศใช้นโยบายควบคุมแบบคู่ (dual control policy) ของประเทศจีนช่วยเพิ่มกำไรสำหรับผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์

Combined PET ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่สุดของไอวีแอลมี Core EBITDA เพิ่มขึ้น 39% เป็น 1,103 ล้านเหรียญสหรัฐในสถานการณ์ที่ความต้องการสูงและสินค้าคงคลังต่ำ บริษัทฯ คาดว่าการทำสัญญาใหม่กับคู่ค้าในปี 65 จะสามารถได้ราคาขายตามราคาตลาดที่ปรับขึ้นเทียบเคียงกับราคาสินค้านำเข้า อันเป็นผลกระทบจากอัตราค่าขนส่งระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น กลุ่มธุรกิจดังกล่าวคาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากกำไรที่ดีขึ้นในปี 65

กลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides & Derivatives (IOD) มี Core EBITDA เท่ากับ 377 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 228% จากปีก่อน ด้วยราคาน้ำมันที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปี 65 กลุ่มธุรกิจ IOD จะยังคงได้รับผลประโยชน์จากการใช้เชลก๊าซ สเปรดของ MEG ที่กำลังเพิ่มขึ้น และการดำเนินเอทิลีนแครกเกอร์ที่Lake Charles (IVOL) ซึ่งกลับมาเดินหน้าเมื่อปลายปี 64 ในส่วนของการเข้าซื้อกิจการ Oxiteno ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในครึ่งแรกของปี 65 จะช่วยส่งเสริมให้กลุ่มธุรกิจ IOD มีผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร นวัตกรรมพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความหลากหลายเชิงภูมิศาสตร์

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Fibers มี Core EBITDA เพิ่มขึ้น 37% เท่ากับ 268 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 11% ส่วนกำไรปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปทานในตลาดที่มีอย่างจำกัดและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ แต่ยังมีการชะลอตัวจากการขึ้นราคาพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภค ในขณะที่การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นใยสำหรับยานยนต์

"ปี 64 ได้พิสูจน์ความรวดเร็วในการปรับตัวที่อยู่คู่ไอวีแอลมาตั้งแต่ก่อตั้ง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราสามารถพลิกการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงเวลาต่างๆ ที่ผ่านมาให้เป็นประโยชน์ต่อองค์กร การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันเกิดขึ้นในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยการปรับธุรกิจของเราใหม่ทั้งหมดให้สอดคล้องกับยุคแห่งวิถีชีวิตใหม่ชี้ให้เห็นความสำคัญของการปรับเป้าหมายระยะยาวของเราด้วย เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรม สารตั้งต้นของเรามากกว่า 80% มีความเกี่ยวข้องกับโพลีเอสเตอร์ ซึ่งสามารถนำไปใช้งานใหม่ในเชิงชีวภาพหรือหมุนเวียนได้ เรามั่นใจในความสามารถของเราที่จะบรรลุวิสัยทัศน์ปี 2573 ที่ท้าทาย ซึ่งจะสร้างคุณค่าเพิ่มเติมให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย ภายใต้ Purpose ของเราที่ต้องการยกระดับเคมีภัณฑ์เพื่อร่วมสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น- Reimagining Chemistry Together to Create a Better World" นายอาลก กล่าว