ผู้เขียน หัวข้อ: KWM เป้าปี 65 รายได้โต 10-15% รับแนวโน้มอุตฯเกษตรโต-ธุรกิจสกัดสมุนไพรหนุน  (อ่าน 352 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Shopd2

  • *
  • กระทู้: 1,209
  • Popular Vote : 0
KWM เป้าปี 65 รายได้โต 10-15% รับแนวโน้มอุตฯเกษตรโต-ธุรกิจสกัดสมุนไพรหนุน

นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 65 เพิ่มขึ้น 10-15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการผลิตเครื่องจักร ทั้งด้านอุปกรณ์การเกษตร และนวัตกรรมการผลิตเครื่องสกัดสารจากพืชสมุนไพร ที่ครบวงจรได้เป็นอย่างดี

แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการเกษตรในปี 65 ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย และการดำเนินนโยบายด้านการเกษตรที่ต่อเนื่องของภาครัฐ ส่งผลให้เกิดแรงขับเคลื่อนในการใช้สินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตรยังคงเพิ่มสูงขึ้น โดยจะเห็นจากดีมานด์การใช้กลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์เกษตร ที่มีความต้องการใช้เพิ่ม รวมถึงราคาสินค้าที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ บริษัทฯได้มีการต่อยอดการลงทุนใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตรอบใหม่ (New S-curve) ให้กับบริษัทฯในอนาคตควบคู่กับธุรกิจเกษตร ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก (core business) ผนวกกับการเดินหน้าขยายการลงทุนภายใต้ 3 บริษัทย่อย ประกอบด้วย

บริษัท เคดับบลิวเอ็ม แคนนาบิเทค จำกัด ดำเนินให้บริการสกัดสารจากพืชสมุนไพรไทย กัญชา-กัญชง ด้วยเครื่องสกัดสารด้วยระบบ SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION และปัจจุบันบริษัทฯได้พัฒนาเครื่องสกัดเป็นรุ่นที่ 2 KWM EXTRACTOR 2.0 ภายใต้รูปแบบการสกัด Supercritical CO2 Extraction (ในกลุ่มธุรกิจ SOIL-OIL-EXTRACTION ) โดยตั้งเป้าที่จะติดตั้งเครื่องสกัด ทั้งหมด 20 เครื่องในปีนี้

บริษัท แล็บแอคทีฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (JV) ที่บริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 51% เพื่อดำเนินธุรกิจการสกัด แปรรูปวัตถุดิบที่ได้จากพืชผลทางการเกษตร และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและสกินแคร์ ในรูปแบบ OEM

และ บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด (KWHB) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (JV) โดย KWM ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ กลุ่มพันธมิตร ภายใต้บริษัท เฮมพ์บิซ จำกัด ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงาน และการติดตั้งเครื่องสกัด เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเดินเครื่องสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทยได้ในครึ่งปีแรกของปี 65 และคาดว่าจะสามารถนำสารสกัดที่ได้ไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในกลุ่มสินค้าประเภทเครื่องสำอาง อาหารเสริม ยา เครื่องดื่ม และอื่นๆได้ทันที