ผู้เขียน หัวข้อ: สรท.ห่วงสถานการณ์ยูเครน กระทบต้นทุนผลิตพุ่ง วอนรัฐไฟเขียวขึ้นราคาลดผลกระทบ  (อ่าน 404 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ luktan1479

  • *
  • กระทู้: 1,132
  • Popular Vote : 0
สรท.ห่วงสถานการณ์ยูเครน กระทบต้นทุนผลิตพุ่ง วอนรัฐไฟเขียวขึ้นราคาลดผลกระทบ

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือ สภาผู้ส่งออก กล่าวว่า สรท.ได้ติดตามและประเมินผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย?ยูเครน และมาตรการตอบโต้ด้านการค้าและการเงินของประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป โดยคาดการณ์เบื้องต้นว่าอาจมีผลกระทบทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของต้นทุนภาคการผลิต ทั้งจากราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น อาทิ เหล็ก ธัญพืช เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งอาจส่งผลให้คำสั่งซื้อจากคู่ค้าลดลงบางส่วน

ทั้งนี้ สรท.มีข้อเสนอแนะที่สำคัญต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อรับมือต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 2 ข้อ ประกอบด้วย

1) เพื่อรับมือต่อความผันผวนของตลาดเงินทั่วโลก สรท.ขอให้ช่วยรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทให้อยู่ในกรอบ 32.50-33.50 บาท/ดอลลาร์ เพื่อให้ผู้ประกอบการส่งออกยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

2) เพื่อรับมือต่อการปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าทุน สรท. ขอให้รัฐพิจารณาอนุญาตการปรับขึ้นราคาสินค้าได้ตามสัดส่วนราคาต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงอย่างแท้จริงทั่วโลก เนื่องจากผู้ประกอบการไม่สามารถแบกรับต้นทุนการผลิตที่มีความผันผวนในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม สรท.ประเมินว่าหากสถานการณ์การสู้รบไม่ยืดเยื้อบานปลายหรือขยายวงกว้างไปมากกว่าพื้นที่ของทั้ง 2 ประเทศ การส่งออกของไทยน่าจะยังเติบโตได้ที่ 5% โดยคาดว่าสถานการณ์ส่งออกในไตรมาสแรกจะสามารถเติบโตได้ที่ 8% เนื่องจากมีการยืนยันคำสั่งซื้อไว้แล้วล่วงหน้า แต่หากสถานกาณ์ยังคงยืดเยื้ออาจกระทบต่อการส่งออกในไตรมาสสอง โดยอาจมีคำสั่งซื้อลดลงประมาณ 4-5 พันล้านดอลลาร์ และกลุ่มสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ อาทิ ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องใช้ไฟฟ้า (เครื่องปรับอากาศ)

ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกของไทยไปรัสเซียในปี 64 มีสัดส่วนอยู่ที่ 0.38% ของมูลค่าการส่งออกไทยไปยังทั่วโลก หรือประมาณ 1,028 ล้านดอลลาร์เหรียญสหรัฐ ขณะที่มูลค่าการส่งออกไทยไปยูเครน มีสัดส่วนอยู่ที่ 0.05% ของมูลค่าการส่งออกไทยไปยังทั่วโลก หรือประมาณ 134.76 ล้านดอลลาร์ และ สรท.คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะเคลื่อนไหวเฉลี่ยอยู่ในกรอบ 100-105 เหรียญดอลลาร์ต่อบาร์เรล