ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 597.65 จุด กังวลสงครามยูเครนยืดเยื้อ  (อ่าน 386 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Hanako5

  • *
  • กระทู้: 861
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 597.65 จุด กังวลสงครามยูเครนยืดเยื้อ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเกือบ 600 จุดในวันอังคาร (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน รวมทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากชาติมหาอำนาจพร้อมใจกันคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,294.95 จุด ร่วงลง 597.65 จุด หรือ -1.76%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,306.26 จุด ลดลง 67.68 จุด หรือ -1.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,532.46 จุด ร่วงลง 218.94 จุด หรือ -1.59%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนและตื่นตระหนกเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลายลง โดยดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท พุ่งขึ้น 13.57% สู่ระดับ 34.24 เมื่อคืนนี้

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียได้เตือนให้ประชาชนยูเครนอพยพออกจากบ้านเรือน ก่อนที่จะระดมยิงจรวดเข้าใส่เมืองคาร์คีฟซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของยูเครน ขณะที่นายเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะยังคงใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อยูเครน จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายหลักในการปกป้องตนเองจากภัยคุกคามของชาติตะวันตก

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง 3.7% โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 3.79% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 3.91% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 3.42% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 3.77%

ทั้งนี้ ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดิ่งลงสู่ระดับ 1.721% เมื่อคืนนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคารในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ

ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ดิ่งลง 3.6% นำโดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ร่วงลง 7.71% หุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ลดลง 1.59% หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ร่วงลง 2.62% หุ้นอินเทล ร่วงลง 1.84% หุ้นควอลคอมม์ ดิ่งลง 4.84% หุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 3.72%

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 3.99% หุ้นเอ็กซอน โมบิล บวก 0.97% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 7.02%

ส่วนหุ้นบริษัทผลิตอาวุธและบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ยังคงได้รับแรงซื้อท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน โดยหุ้นนอร์ธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) พุ่งขึ้น 3.16% หุ้นล็อคฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) พุ่งขึ้น 5.23% หุ้นคราวด์สไตร์ค โฮลดิ้งส์ (CrowdStrike Holdings) ปรับตัวขึ้น 1.24%

หุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 9.9% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 3.19 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.86 ดอลลาร์

หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 2.19% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 2.20 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.12 ดอลลาร์

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 415,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันที่ 2 มี.ค. และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 3 มี.ค. โดยการแถลงทั้งสองวันจะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย