ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.55 แข็งค่าตามภูมิภาค-รอปัจจัยใหม่  (อ่าน 350 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ luktan1479

  • *
  • กระทู้: 1,132
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.55 แข็งค่าตามภูมิภาค-รอปัจจัยใหม่ คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.50-32.70

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.55 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิด ตลาดเมื่อเช้านี้ที่ระดับ 32.63/65 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.52 - 32.69 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทแข็งค่า ซึ่งเป็นไปตามทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวอ่อนค่า โดยวันนี้ตลาดยังรอดูปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มเติม

"วันนี้ยังไม่มีข่าวที่ตึงเครียดเรื่องความขัดแข้งระหว่างรัสเซียและยูเครนเข้ามาเพิ่ม ดอลลาร์สหรัฐจึงอ่อนค่ารอไปก่อน และ รอปัจจัยใหม่" นักบริหารเงิน กล่าว

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ ดัชนีภาคการผลิตเดือน ก.พ. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และช่วงนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งของรัสเซีย และยูเครนต่อไป

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.50 - 32.70 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.78 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 115.19 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1195 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1206/07 ดอลลาร์/ยูโร
ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,694.28 จุด เพิ่มขึ้น 9.10 จุด (+0.54%) มูลค่าการซื้อขาย 91,815 ล้านบาท
สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,901.75 ลบ.(SET+MAI)
นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนว่า หากสถานการณ์เลวร้ายยืดเยื้อต่อไป
ผลกระทบที่ต้องรับมือเป็นสิ่งแรก คือเรื่องเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนต่างๆ มีหลายอย่างที่มีเศรษฐกิจห่วงโซ่เดียวกัน โดยวานนี้ได้เรียก
ประชุมกับรองนายกรัฐมนตรีโดยเร่งด่วน เพื่อให้เตรียมมาตรการเหล่านี้ตามวิกฤตการณ์และสมมุติฐานที่วางไว้ 3 ระดับด้วยกัน ซึ่งวันนี้อยู่
ในขั้นที่ 1 ส่วนขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3 ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องไปดำเนินการเตรียมมาตรการไว้
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) รายงานว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอน ฉุดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงต้น
ปี ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลเงินเฟ้อไทยสูงขึ้นมากกว่าคาด
สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ประเมินเบื้องต้นหากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ไม่ขยายวง
มากกว่านี้ และมีข้อยุติภายใน 3 เดือน คาดการส่งออกไทยปีนี้ยังเติบโตได้ 5%
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งเป้าปีนี้จะมียอดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเดินทางเข้าไทย 5 แสนคน โดยในจำนวนนี้
คาดว่าเป็นนักท่องเที่ยวซาอุฯ 2 แสนคน หลังจากที่ไทย-ซาอุดีอาระเบีย เริ่มเปิดเที่ยวบินจากซาอุฯ มาไทยวันนี้เป็นวันแรก ซึ่งเป็นผลจาก
ที่รัฐบาลไทยเดินทางไปเชื่อมความสัมพันธ์เมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ระดับ 47.8 ปรับ
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 47.2 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแบบ Test&Go ได้อีกครั้ง
ตั้งแต่ 1 ก.พ. 65 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคที่มิใช่ภาคการผลิตปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ที่ความเชื่อ
มั่นด้านคำสั่งซื้อและการบริการปรับดีขึ้นมาก
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เตรียมจัดตั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (Thai Digital Assets
Exchange (TDX)) โดยได้พัฒนาระบบ Oen API Interface เสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการรอใบอนุญาตดำเนินกิจการ ซึ่ง
ยังคงเป็นไปตามที่ ตลท.วางแผนในการเปิดให้บริการ TDX ไว้ในช่วงไตรมาส 3/65
ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป เนื่องจากคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะยังคง
อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และสถานการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกและในประเทศยังคงไม่แน่นอน อันเนื่องมาจากวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการ
ประชุมวันนี้ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน อันเนื่องมาจากรัสเซียใช้กำลังทางทหารบุกโจมตียูเครน