ผู้เขียน หัวข้อ: 'ไบเดน' ปิดฉากแถลงนโยบายประจำปี ชูแผนสยบโควิด-สกัดเงินเฟ้อ  (อ่าน 361 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Naprapats

  • *
  • กระทู้: 931
  • Popular Vote : 0
'ไบเดน' ปิดฉากแถลงนโยบายประจำปี ชูแผนสยบโควิด-สกัดเงินเฟ้อ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้เสร็จสิ้นการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยประเด็นสำคัญของการแถลงในครั้งนี้ได้แก่ การแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครนและการตัดสินใจไม่ให้เครื่องบินทุกลำของรัสเซียบินผ่านน่านฟ้าสหรัฐ, การสนับสนุนเงินทุนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ, การเปิดตัวแคมเปญ 'Test to Treat' และแจกชุดตรวจโควิด-19 ฟรีให้กับประชาชน, โครงการบูรณะซ่อมแซมสะพานและทางหลวง, แผนการรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ และการระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน

สำนักข่าว CNN ซึ่งทำการถ่ายทอดสดการแถลงนโยบายประจำปีของปธน.ไบเดนไปทั่วโลกรายงานว่า ในปีนี้ถือเป็นปีแรกที่การแถลงนโยบายประจำปีมีสุภาพสตรีผู้ทรงเกียรติ 2 คนนั่งอยู่ด้านหลังแท่นโพเดียมของประธานาธิบดี ซึ่งก็คือนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีซึ่งสวมสูทสีน้ำตาล และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐซึ่งสวมสูทสีน้ำเงิน

ปธน.ไบเดนเปิดฉากการแถลงด้วยการประกาศว่า สหรัฐจะยืนเคียงข้างประชาชนชาวยูเครน พร้อมกับขอให้สมาชิกสภาคองเกรสทุกคนลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงการสนับสนุนยูเครน

'แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ปธน.โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนยังกล่าวอย่างกล้าหาญต่อรัฐสภายุโรปว่า 'แสงสว่างย่อมมีชัยเหนือความมืดมิด' และในวันนี้ เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐก็นั่งอยู่เคียงข้างสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐ ผมขอให้ทุกท่านในอาคารรัฐสภาแห่งนี้ หากท่านยืนได้ ขอให้ท่านยืนขึ้นเพื่อเป็นเกียรติและเพื่อส่งสัญญาณไปถึงทั่วโลกว่า เราสนับสนุนยูเครน' ปธน.ไบเดนกล่าว
ปธน.ไบเดนได้รับเสียงปรบมือกึกก้องทั่วห้องประชุมของอาคารรัฐสภา ขณะที่สมาชิกรัฐสภาจำนวนมากสวมชุดสีฟ้าและเหลืองเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการสนับสนุนยูเครน ส่วนเอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐได้ปรบมือและโบกธงชาติของยูเครน

'เราคือสหรัฐอเมริกา และเราขอยืนเคียงข้างยูเครน' ปธน.ไบเดนกล่าว
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนยังได้ใช้เวที State of the Union ครั้งนี้ ประกาศห้ามไม่ให้เครื่องบินของรัสเซียบินผ่านน่านฟ้าสหรัฐ ซึ่งเป็นการใช้มาตรการที่สอดคล้องกับสหภาพยุโรป (EU) และแคนาดา ที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่าไม่ให้เครื่องบินของรัสเซียบินผ่านน่านฟ้า

'เราจะร่วมวงกับบรรดาชาติพันธมิตรของเรา ด้วยการห้ามไม่ให้เครื่องบินทุกลำของรัสเซียบินผ่านน่านฟ้าสหรัฐ นอกจากนี้ เราจะโดดเดี่ยวรัสเซียมากขึ้น และจะเพิ่มมาตรการกดดันเศรษฐกิจของรัสเซียเพิ่มขึ้นด้วย' ปธน.ไบเดนกล่าว
ปธน.ไบเดนได้กล่าวโจมตีปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน โดยระบุว่า 'เมื่อ 6 วันที่แล้ว ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ได้พยายามทำทุกวิถีทางที่จะสั่นคลอนรากฐานทุกด้านของโลกเสรี และเขาคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ แต่เขาผิดพลาดอย่างแรง เขาคิดว่าการที่เขาสามารถสร้างความโกลาหลให้กับยูเครนจะทำให้ทั่วโลกปั่นป่วนไปด้วย แต่ในทางตรงกันข้าม เขากลับพบกับกำแพงที่แข็งแกร่งอย่างที่เขาไม่เคยคาดคิดหรือจินตนาการถึง เพราะกำแพงนั้นคือประชาชนชาวยูเครน และผมขอบอกว่า ขณะนี้ปูตินได้ถูกโดดเดี่ยวจากโลกนี้มากกว่าที่เขาเคยถูกโดดเดี่ยวมาในอดีต' ปธน.ไบเดนกล่าว

สำนักข่าว CNN ซึ่งทำการถ่ายทอดสดการแถลงนโยบายประจำปีของปธน.ไบเดนไปทั่วโลกนั้น รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของโฆษกทำเนียบเครมลินว่า ปธน.ปูตินอาจจะไม่ชมการถ่ายทอดสดการแถลงนโยบายประจำปีของปธน.ไบเดน โดยกล่าวว่า 'ปกติแล้วปธน.ปูตินไม่ดูทีวี ท่านชอบอ่านรายงานในภายหลังมากกว่า'

ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ ปธน.ไบเดนได้พยายามปลอบขวัญชาวอเมริกันที่วิตกกับข่าวเกี่ยวกับยูเครน โดยกล่าวว่า 'ผมทราบดีว่าข่าวสารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ อาจทำให้ชาวอเมริกันทุกคนวิตกกังวล แต่ผมต้องการบอกกับพวกท่านว่า พวกเราจะปลอดภัย'

นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังให้คำมั่นว่า กองกำลังทหารสหรัฐจะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้งกับกองทัพของรัสเซียในยูเครน พร้อมกับย้ำว่า สหรัฐจะไม่ส่งทหารเข้าไปรบในยูเครนหลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครน แต่จะประจำการอยู่ในยุโรปเพื่อปกป้องบรรดาชาติสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในกรณีที่รัสเซียเคลื่อนกำลังพลรุกคืบเข้าสู่ประเทศฝั่งตะวันตก

นอกเหนือจากสถานการณ์ยูเครนแล้ว ปธน.ไบเดนยังได้กล่าวถึงประเด็นอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ :

*เปิดตัวแคมเปญ 'Test to Treat', แจกยาต้านไวรัสและชุดตรวจโควิด-19 ฟรีให้กับประชาชน

ปธน.ไบเดนประกาศเปิดตัวแคมเปญที่ชื่อว่า 'Test To Treat' ซึ่งมีเป้าหมายที่จะรับมือกับการระบาดของโควิด-19 และช่วยเหลือประชาชนด้วยการแจกยาต้านไวรัสและชุดตรวจฟรี

'ผมขอขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนทำให้การควบคุมโควิด-19 มีความคืบหน้าในปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้โรคโควิด-19 ไม่สามารถควบคุมชีวิตพวกเราได้ต่อไป ผมทราบดีว่ามีคนพูดถึงนโยบาย ''การอยู่ร่วมกับโควิด-19' แต่ผมอยากบอกพวกท่านว่า เราจะไม่อยู่ร่วมกับโควิด-19 เพราะเราจะเปิดตัวแคมเปญ Test To Treat โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่ร้านขายยาทั่วไป และหากพบว่ามีผลตรวจเป็นบวก ก็สามารถรับยาต้านไวรัสได้ที่จุดตรวจโดยไม่มีค่าใช้จ่าย' ปธน.ไบเดนกล่าว ซึ่งได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้องในห้องประชุมอาคารรัฐสภา

ปธน.ไบเดนยังกล่าวด้วยว่า ชาวอเมริกันที่สั่งชุดตรวจโควิด-19 ฟรีผ่านทางเว็บไซต์ www.covidtests.gov จะสามารถสั่งชุดตรวจเพิ่มได้อีกตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสจัดสรรเงินทุนเพื่อเพิ่มสต็อกชุดตรวจโควิด-19, หน้ากากอนามัย และยาต้านไวรัส หากจำเป็น

*สนับสนุนเงินทุนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ปธน.ไบเดนได้กล่าวถึงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและความปลอดภัยว่า 'คำตอบของเรื่องนี้ไม่ใช่การตัดงบประมาณของกรมตำรวจ แต่เป็นการอัดฉีดเงินสนับสนุนกรมตำรวจ ชุมชนชาวอเมริกันไม่ควรต้องเลือกระหว่างความปลอดภัยและความยุติธรรมที่เท่าเทียมกันเมื่อพวกเขาเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ'

'ขอให้พวกเราร่วมมือกันเพื่อสร้างความสามัคคีและความปลอดภัยในชุมชนของเรา และเห็นความสำคัญของการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการ American Rescue Plan ที่ผมริเริ่มนั้น ครอบคลุมถึงการจัดสรรงบประมาณ 3.50 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งเมือง รัฐ และชุมชนต่าง ๆ สามารถนำไปใช้เพื่อจ้างตำรวจเพิ่มขึ้น และลงทุนในกลยุทธ์เพื่อการป้องปราม เพื่อที่จะตัดวงจรความรุนแรง และเพื่อให้เยาวชนของเรามีความหวังมากขึ้น' ปธน.ไบเดนกล่าว
*โครงการบูรณะซ่อมแซมสะพานและทางหลวง

ปธน.ไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะเริ่มโครงการบูรณะซ่อมแซมทางหลวงความยาวกว่า 65,000 ไมล์และสะพาน 1,500 แห่งในปีนี้ โดยผ่านการจัดสรรงบประมาณตามกฎหมายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Framework - BIF) ซึ่งปธน.ไบเดนเชื่อว่า กฎหมายฉบับนี้จะช่วยให้สหรัฐสามารถแข่งขันกับจีนได้

'ผมมั่นใจว่า กฎหมายฉบับนี้จะช่วยเปลี่ยนแปลงอเมริกา และปูทางให้เรามีชัยชนะด้านเศรษฐกิจกับคู่แข่งแห่งศตวรรษที่ 21 ของเรา โดยเฉพาะจีน' ปธน.ไบเดนกล่าว
*แผนการรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ

ปธน.ไบเดนเปิดเผยแผนการรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งรวมถึงการเสนอให้ปรับลดต้นทุนด้านการเลี้ยงดูเด็ก

'ท่านสมาชิกสภาคองเกรส หากท่านอาศัยอยู่ในเมืองขนาดใหญ่ของสหรัฐ ท่านต้องจ่ายเงินสูงถึง 14,000 ดอลลาร์ต่อปีสำหรับค่าเลี้ยงดูบุตรหนึ่งคน ผมเคยเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูก 4 คนในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งผมมีผู้ช่วยมากมายไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่และพี่ชายพี่สาวที่ช่วยผมเลี้ยงดูลูก แต่ประชาชนชั้นกลางและคนวัยทำงานไม่ควรต้องจ่ายเงินมากกว่า 7% ของรายได้เพื่อที่จะเลี้ยงดูลูก ๆ ของพวกเขา'

'แผนของผมก็คือ ลดต้นทุนการเลี้ยงดูบุตรลงครึ่งหนึ่งสำหรับครอบครัวส่วนใหญ่ และการช่วยเหลือผู้ปกครอง ซึ่งรวมถึงผู้หญิงหลายล้านคนที่ต้องออกจากงานในช่วงการระบาดของโควิด-19 เพียงเพราะไม่มีคนดูแลลูก นอกจากนี้ ผมยังมีแผนอื่น ๆ อีก ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนให้ผู้ปกครองสามารถดูแลลูกที่บ้านได้ในระยะยาว, การจัดหาที่อยู่อาศัยราคาถูก และการเปิดโรงเรียนเตรียมอนุบาลสำหรับเด็กอายุ 3-4 ปี ซึ่งนโยบายเหล่านี้จะช่วยให้ต้นทุนของครัวเรือนปรับตัวลดลง '
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนกล่าวว่า เขาต้องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อด้วยการปรับลดต้นทุนในการผลิตสินค้า ไม่ใช่การปรับลดค่าจ้างของชาวอเมริกัน

'จริงอยู่ ที่แนวทางหนึ่งของการต่อสู้กับเงินเฟ้อคือการปรับลดค่าจ้างและทำให้ชาวอเมริกันยากจนลง แต่ผมมีไอเดียที่ดีกว่านั้นในการจัดการกับเงินเฟ้อ นั่งคือ การลดต้นทุน ไม่ใช่ลดค่าจ้าง เพราะเมื่อต้นทุนลดลง สหรัฐก็จะมีการผลิตมากขึ้น' ปธน.ไบเดนกล่าว
*การระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดราคาน้ำมัน ปธน.ไบเดนกล่าวว่า ราคาน้ำมันและก๊าซที่สูงขึ้นในขณะนี้เป็นผลมาจากการที่รัสเซียใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน และในโอกาสนี้ ปธน.ไบเดนได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า สหรัฐและประเทศสมาชิกในเครือสำนักงานพลังงานสากล (IEA) จะระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง SPR ในปริมาณ 60 ล้านบาร์เรล เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในตลาด โดยสหรัฐจะระบายน้ำมันราว 30 ล้านบาร์เรลจากปริมาณทั้งหมด 60 ล้านบาร์เรล

สำนักข่าว CNN รายงานว่า ปธน.ไบเดนได้กล่าวปิดท้ายการแถลงนโยบายประจำปีในวันนี้ด้วยถ้อยคำที่สร้างความฮึกเหิมและบ่งบอกถึงความเป็นชาตินิยม โดยกล่าวว่า 'การแถลงนโยบายประจำปีของประธานาธิบดีสหรัฐถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่แข็งแกร่ง นั่นก็เพราะชาวอเมริกันเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง ผมรู้จักประเทศนี้ดี และผมรู้ว่าเราจะร่วมฝ่าฟันการทดสอบ, การปกป้องสิทธิเสรีภาพ, การเพิ่มความยุติธรรมและโอกาส และเราจะรักษาระบอบประชาธิปไตยของเราเอาไว้ นี่เป็นเวลาที่เราจะร่วมมือกันเพื่อเอาชนะความท้าทายแห่งยุคสมัยของเรา ขอพระเจ้าทรงอวยพรทุกท่าน และขอพระองค์ทรงปกป้องเหล่าทหารของเรา'