ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.61 อ่อนค่าเกาะกลุ่มภูมิภาค จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯปลายสัปดาห์นี้  (อ่าน 364 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Hanako5

  • *
  • กระทู้: 861
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.61 อ่อนค่าเกาะกลุ่มภูมิภาค จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯปลายสัปดาห์นี้

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.61 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 32.47 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มภูมิภาค จากผลกระทบของสถานการณ์ความขัดแย้งของรัสเซียกับยูเครน และราคาน้ำมันที่ปรับตัว สูงขึ้น อย่างไรก็ตามเงินบาทมีปัจจัยหนุนเฉพาะ คือ จีนเริ่มพิจารณาแนวทางยกเลิกนโยบาย Zero Covid ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อการท่อง เที่ยวของไทย โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40 - 32.63 บาท/ดอลลาร์

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ส่วนพรุ่งนี้ (วัน ที่ 4 มี.ค.) ต้องติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.50 - 32.70 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 115.76 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 115.58 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1079 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1099 ดอลลาร์/ยูโร
ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,696.08 จุด เพิ่มขึ้น 6.27 จุด (+0.37%) มูลค่าการซื้อขาย 113,829 ล้านบาท
สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,892.22 ลบ.(SET+MAI)
หอการค้าไทย คาดสถานการณ์ความขัดแย้งในรัสเซีย-ยูเครน มีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อ ชี้ผลกระทบทางตรงที่มีต่อไทยไม่มาก
แต่ผลกระทบทางอ้อมที่สำคัญ คือ ราคาน้ำมันที่ส่งผ่านมายังความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และทำให้คนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากสินค้ามี
ราคาแพง
ประธานสมาคมธนาคารไทย เผยความคืบหน้ามาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ล่าสุด ณ วันที่ 14 ก.พ. 65 มาตรการสิน
เชื่อฟื้นฟู มีสินเชื่อที่อนุมัติแล้ว 289,359 ล้านบาท จำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือ 124,250 ราย ขณะที่โครงการพักทรัพย์พักหนี้ มียอด
อนุมัติแล้ว 39,569 ล้านบาท จำนวนผู้ประกอบการที่ได้รับความช่วยเหลือ 285 ราย โดยยังมีผู้ประกอบธุรกิจอีกหลายแห่งให้ความสนใจ
และอยู่ระหว่างเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งขณะนี้ถ้าดูจากภาพรวมสินเชื่อธุรกิจขยายตัว 7.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนให้เห็น
ความต้องการของภาคธุรกิจที่ต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น จากการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจ และธนาคารยังคงปล่อยสินเชื่ออย่างต่อเนื่องเพื่อ
ช่วยเหลือผู้ประกอบการ
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA)
ในปี 2564 มีมูลค่ารวม 76,312.79 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 31.40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ
สูงถึง 78.17%
ขณะที่สถิติการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ทั้ง 4 ระบบที่ ไทยได้รับสิทธิพิเศษอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช และนอร์เวย์ ปี 64 มีมูลค่า 3,612.68 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 28.14% เมื่อเทียบกับปี 63

กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ขณะนี้อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น คาดการณ์ว่าจะพบการแพร่โรคต่อเนื่องไป
ทุกจังหวัดจนถึงเทศกาลสงกรานต์ โดยแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงกลางเดือนเมษายนนี้ และจากนั้นจะค่อยๆ ลดลง
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัสเซียลง 6 ขั้น จากระดับ BBB สู่ระดับ B ซึ่งเป็นระดับ "ขยะ"
โดยระบุว่า การที่ชาติตะวันตกได้พากันคว่ำบาตรรัสเซียเพื่อตอบโต้กรณีใช้กำลังทหารรุกรานยูเครนนั้น ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจของรัสเซียตก
อยู่ในความไม่แน่นอน และอาจทำให้พันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลรัสเซียขาดความน่าเชื่อถือ
เงินรูเบิลอ่อนค่าลงมากกว่า 10% สู่ระดับ 117.5 รูเบิลต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นการแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบ
กับทั้งดอลลาร์และยูโร หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ และมูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัสเซียสู่ระดับ "ขยะ" อันเป็นผลกระทบจากการที่รัส
เซียโดนชาติตะวันตกรุมคว่ำบาตร
องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน มีแนวโน้มผลักดันให้การแพร่
ระบาดของโรคโควิด-19 เพิ่มสูงยิ่งขึ้นไปอีก และมีความเสี่ยงมากขึ้นว่า ผู้ติดเชื้อจำนวนมากอาจอาการทรุดหนัก
ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยให้
เหตุผลว่า เศรษฐกิจของประเทศยังคงมีแนวโน้มไม่ชัดเจน เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกอ่อนแอเกินคาด ประกอบกับความขัด
แย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่รุนแรงขึ้น และการระบาดของโควิด-19
สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นประจำเดือนก.พ.อยู่ที่ 35.3 ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3
ติดต่อกัน และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 63 เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น และราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น
คืนนี้สหรัฐฯ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ
(PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้าย, ดัชนีภาคบริการเดือน ก.พ. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค.