ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินบาท: บาทเปิด 32.70 ทิศทางผันผวนคาดกรอบ 32.70-32.95 จับตาเงินทุนเคลื่อนย้าย  (อ่าน 363 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jessicas

  • *
  • กระทู้: 511
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดเงินบาท: บาทเปิด 32.70 ทิศทางผันผวนคาดกรอบ 32.70-32.95 จับตาเงินทุนเคลื่อนย้าย

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.70 บาท/ดอลลาร์ ทรง ตัวจากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดดับ 32.70 บาท/ดอลลาร์

โดยหลังจากเปิดตลาด เงินบาทอ่อนค่าไปอยู่ที่ 32.91 บาท/ดอลลาร์ และล่าสุดดีดกลับมาที่ 32.85 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ คาดว่าวันนี้ทิศทางเงินบาทยังคงผันผวน ปัจจัยสำคัญจะมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังพุ่งสูงต่อเนื่อง และนักลงทุนหลีกเลี่ยงความ เสี่ยงจากสถานการณ์ในรัสเซียและยูเครนที่ยังไม่มีสัญญาณว่าจะมีความสงบขึ้นอย่างแท้จริง

ขณะที่ปัจจัยในประเทศตอนนี้ ต้องติดตามเรื่องกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย เนื่องจากเริ่มเห็นต่างชาติขายสุทธิทั้งในฝั่ง ของตลาดหุ้นไทยและตลาดพันธบัตร

"ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าปัญหารัสเซียยูเครนจะสงบ ทำให้เกิดภาวะช็อคราคาพลังงานที่ขึ้นไปแรง กระทบต้นทุนการผลิต ต่างๆ...ต้องติดตามปัจจัยราคาพลังงานเป็นหลัก รวมถึงกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70 - 32.95 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (4 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.52326% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.65600%

ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.85 เยน/ดอลลาร์ จากวันศุกร์ที่ระดับ 115.39 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0837 ดอลลาร์/ยูโร จากวันศุกร์ที่ระดับ 1.1015 ดอลลาร์/ยูโร
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.620 บาท/
ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (4 มี.
ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (4 มี.ค.) โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity
Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 30.7 ดอลลาร์ หรือ 1.59% ปิดที่ 1,966.6 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อ
สัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (4 มี.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบ
เดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 8.01 ดอลลาร์ หรือ 7.4% ปิดที่ 115.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 51
เนื่องจากการสู้รบอย่างต่อเนื่องระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านอุปทานพลังงาน
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัสเซียลงสู่ระดับ Ca ซึ่งเป็นอันดับต่ำสุดอันดับที่
สอง โดยระบุว่า การที่ธนาคารกลางรัสเซียใช้มาตรการควบคุมเงินทุนนั้น อาจจะส่งผลให้รัสเซียเผชิญกับข้อจำกัดในการชำระหนี้
ต่างประเทศ และอาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ในที่สุด
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนลบ เนื่องจากสถานการณ์ระหว่างยูเครนและรัสเซียยังสร้างแรงกดดันให้นักลงทุน โดยล่าสุด
สหรัฐและชาติพันธมิตรในยุโรปกำลังพิจารณาที่จะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเพื่อตอบโต้การบุกยูเครน ซึ่ง
รายงานดังกล่าว ยังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เผยการใช้มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่มีต่อการบุกยูเครนนั้น
เปรียบเสมือนกับการประกาศสงคราม พร้อมเตือนว่า การใช้มาตรการห้ามบินเหนือน่านฟ้ายูเครน จะถือเป็นการมีส่วนร่วมในความ
ขัดแย้ง และปฏิเสธเรื่องการประกาศภาวะฉุกเฉินในรัสเซีย
สัปดาห์นี้สหรัฐฯ จะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ดุลการค้าเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
รายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นนเดือนมี.ค.