ผู้เขียน หัวข้อ: OTO ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตกว่า 20% หลังปรับโมเดลธุรกิจสู่ Tech Company เพิ่มโอกาสโต  (อ่าน 355 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Shopd2

  • *
  • กระทู้: 1,209
  • Popular Vote : 0
OTO ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตกว่า 20% หลังปรับโมเดลธุรกิจสู่ Tech Company เพิ่มโอกาสโต

นายคณาวุฒิ วรรทนธีรัช ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) เปิดเผยว่า หลังจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับบริษัทต่อยอดธุรกิจ Call Center และ Contact Center ที่เป็นผู้นำตลาดอยู่แล้ว ซึ่งในปีนี้คาดว่าธุรกิจจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากในช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้งานให้บริการระบบศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ (1690Call Center) จากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มูลค่า 166 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 36 เดือน ทำให้มีรายได้ประจำ (Recurring Income) จากงานให้บริการเพิ่ม และในปีนี้มีแผนประมูลงานใหม่ทั้งงานภาครัฐและเอกชนเพิ่มเติม อีกทั้งยังคาดว่าในปีนี้ลูกค้าเดิมจะกลับมาใช้บริการ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น จากการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และรัฐบาลประกาศคลายล็อกดาวน์ ทำให้ภาคธุรกิจเริ่มกลับมาใช้บริการ

สำหรับธุรกิจใหม่ที่เป็น New S curve หลังปรับโมเดลธุรกิจสู่ Tech Company เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจสู่น่านน้ำใหม่ (Blue Ocean) ต่อยอดธุรกิจเดิม ผ่านการขยายการลงทุนของบริษัท อินโนฮับ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้งในส่วนของการร่วมลงทุนแพลตฟอร์ม Blockchain Technology

และล่าสุดเตรียมเข้าร่วมลงทุนบริษัท ฟิจิตอล สเปซ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเกมและ ESport ที่กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก ซึ่งจะมีแหล่งที่มาของรายได้ชัดเจนจาก Sponsorship ในการจัดแข่งขันต่างๆ ผ่าน Platform HUBBER มูลค่าลงทุน 100 ล้านบาท โดยอินโนฮับเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 49% นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัว Platform ทางการแพทย์ ต่อยอด Tele Medicine โดยให้คำปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ (Tele Pharmacy) เจาะกลุ่มเภสัชกรไม่ต้องการลงทุนเปิดร้านขายยาเอง ซึ่งบริษัทฯจะมีรายได้จากค่าบริการ นายคณาวุฒิ กล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังจากได้ปรับโมเดลธุรกิจเข้าสู่ Tech Company อย่างเต็มรูปแบบ จากการเข้าลงทุนในแพลตฟอร์มต่างๆ ที่อยู่ในเมกะเทรนด์ สอดคล้องพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ โดยในปี 65 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเกิน 20% เทียบปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 657 ล้านบาท และพร้อมขยายการลงทุนใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ รองรับแผนการเติบโตในอนาคต เพราะยังมีเงินสดในมือกว่า 500 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.11 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงฐานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่ง