ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 797.42 จุด กังวลเงินเฟ้อหลังราคาน้ำมันพุ่ง  (อ่าน 345 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ luktan1479

  • *
  • กระทู้: 1,132
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 797.42 จุด กังวลเงินเฟ้อหลังราคาน้ำมันพุ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ปิดทรุดตัวลงเกือบ 800 จุดในวันจันทร์ (7 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันอันเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนนั้น จะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นและส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,817.38 จุด ร่วงลง 797.42 จุด หรือ -2.37%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,201.09 จุด ลดลง 127.78 จุด หรือ -2.95% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,830.96 จุด ลดลง 482.48 จุด หรือ -3.62%

ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง หลังจากนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ "State of the Union" ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นในวันอาทิตย์ (6 มี.ค.) ว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรในยุโรปกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน

โมนา มาฮาจาน นักวิเคราะห์จากบริษัทเอ็ดเวิร์ด โจนส์กล่าวว่า ตลาดวิตกกังวลว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และอาจจะนำไปสู่ภาวะ Stagflation หรือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลว่าปัญหาราคาน้ำมันแพงจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นปัจจัยขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์เข้าสู่ภาวะปรับฐาน (Correction) แล้ว เนื่องจากดัชนีได้ร่วงลงกว่า 10% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2565 ส่วนดัชนี Nasdaq ได้เข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market ) เนื่องจากดัชนีทรุดตัวลงกว่า 20% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 4.8% ทั้งนี้ หุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 12.23% หุ้นไนกี้ ร่วงลง 5.14% หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ทรุดตัวลง 15.36% หุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ร่วงลง 8.67%

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารดิ่งลง 3.74% นำโดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ดิ่งลง 6.29% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 4.19% ห้นแอปเปิล ร่วงลง 2.37% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.78% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 3.17% หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 2.89%

หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทเหล่านี้ โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 12.72% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 11.99% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ทรุดลง 15.01% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ร่วงลง 9.87% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูส ร่วงลง 9.03% หุ้นนอร์วีเจียน ครูส ไลน์ ร่วงลง 11.56%

อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหุ้นดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.57% โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.14% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 6.15% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 0.97% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.6%

นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานล่าสุดว่า การเจรจาสันติภาพรอบที่ 3 ระหว่างคณะตัวแทนของรัสเซียและยูเครนได้เริ่มขึ้นแล้วที่เบลารุส เพื่อหาทางออกต่อวิกฤตการณ์ในยูเครน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดุลการค้าเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน