ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าผันผวน ขณะ
ราคาน้ำมันพุ่งหลังสหรัฐแบนนำเข้าจากรัสเซีย
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าเคลื่อนไหวผันผวน โดยนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะที่สหรัฐเดินหน้าคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 24,973.73 จุด เพิ่มขึ้น 182.78 จุด หรือ +0.74%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,258.17 จุด ลดลง 35.36 จุด หรือ -1.07% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,311.23 จุด ลดลง 454.64 จุด หรือ -2.19%
บรรยากาศการซื้อขายในช่วงเช้านี้ยังคงถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนออกแถลงการณ์ในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า สหรัฐจะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน โดยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถส่งน้ำมันมายังท่าเรือสหรัฐอีกต่อไป ขณะที่อังกฤษประกาศแผนลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียภายในปีนี้เช่นกัน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นอีกกว่า 2% เช้านี้ โดย ณ เวลา 09.56 น. ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 2.81 ดอลลาร์ หรือ 2.27% แตะที่ 126.51 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านโกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์แตะระดับ 135 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ จากเดิมที่ระดับ 98 ดอลลาร์/บาร์เรล และจะแตะระดับ 115 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า จากเดิมที่ระดับ 105 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่รายงานไปแล้ว สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนม.ค.ที่มีการขยายตัว 9.1% แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 8.7%
ทั้งนี้ ดัชนี PPI ขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564 ท่ามกลางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้น, ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และโรคโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดในจีนขณะนี้
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เกิดจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขยับขึ้น 0.9% ในเดือนก.พ. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการขยายตัวในเดือนม.ค. และสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด