ผู้เขียน หัวข้อ: 'ไบเดน' ลงนามสั่งหน่วยงานรัฐประเมินข้อดีข้อเสียคริปโทฯ ปูทางออกดอลล์ดิจิทัล  (อ่าน 429 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ fairya

  • *
  • กระทู้: 1,190
  • Popular Vote : 0
'ไบเดน' ลงนามสั่งหน่วยงานรัฐประเมินข้อดีข้อเสียคริปโทฯ ปูทางออกดอลล์ดิจิทัล

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐได้ลงนามในคำสั่งบริหาร เพื่อสั่งการให้หน่วยงานทั้งหมดของรัฐบาลสหรัฐทำการประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี พร้อมกับสั่งให้เร่งการวิจัยและพัฒนาสกุลเงินดอลลาร์ดิจิทัล

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า คำสั่งดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การกำหนดให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐทำการศึกษา 6 ประเด็นซึ่งได้แก่ การคุ้มครองผู้บริโภคและนักลงทุน, เสถียรภาพด้านการเงิน, การทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย, ความสามารถด้านการแข่งขันของสหรัฐในตลาดโลก, โอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงิน และนวัตกรรมที่มีความรับผิดชอบ

ประเด็นการคุ้มครองผู้บริโภคถือเป็นส่วนสำคัญของคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมานั้น มีนักลงทุนจำนวนมากถูกหลอกลวงให้ลงทุนในคริปโทฯ รวมทั้งการสูญเสียเงินจำนวนมากจากการที่แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทฯ ถูกโจมตีทางไซเบอร์

ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนได้สั่งการให้กระทรวงการคลังสหรัฐทำการประเมินและพัฒนานโยบายการให้คำแนะนำเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโทฯ พร้อมกับสั่งให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านกฎระเบียบสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการควบคุมดูแลและป้องกันไม่ให้คริปโทฯ สร้างความเสี่ยงต่อระบบการเงิน

นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังสั่งการให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐทำการประเมินโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) และสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินการวิจัย, พัฒนา และประเมินแนวทางของสกุลเงิน CBDC ต่อไป

ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เฟดได้เปิดเผยรายงานการศึกษาเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของสกุลเงิน CBDC พร้อมกับเปิดกว้างให้สาธารณชนเข้ามาร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับการออกสกุลเงินดังกล่าวด้วย โดยจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อรับความคิดเห็นของสาธารณชนไปจนถึงวันที่ 20 พ.ค.ปีนี้

ด้านทำเนียบขาวได้ออกรายงานภายหลังจากปธน.ไบเดนลงนามในคำสั่งดังกล่าวว่า 'สินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งรวมถึงคริปโทเคอร์เรนซี มีการขยายตัวอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. 2564 เราพบว่าราว 16% ของพลเมืองชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ หรือประมาณ 40 ล้านคน ต่างก็เข้าลงทุน, ซื้อขาย หรือใช้คริปโทฯ'

'การเติบโตของสกุลเงินดิจิทัลได้สร้างโอกาสในการผลักดันให้สหรัฐก้าวขึ้นเป็นผู้นำในระบบการเงินโลก และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี แต่ในขณะเดียวกันเราควรออกมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค, เสถียรภาพการเงิน, ความมั่นคงของชาติ และความเสี่ยงที่มีต่อสภาพภูมิอากาศ' ทำเนียบขาวระบุในรายงาน
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้สนับสนุนให้ปธน.ไบเดนออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อกำหนดให้หน่วยงานของรัฐบาลเร่งทำการศึกษาข้อดีของการใช้คริปโทเคอร์เรนซี รวมทั้งข้อเสียที่อาจจะมีต่อผู้บริโภคและระบบการเงินเป็นวงกว้าง

ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า กระทรวงการคลังสหรัฐจะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อรวบรวมรายงานเกี่ยวกับระบบการเงินและการชำระเงินในอนาคต ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังจะจัดการประชุมหารือร่วมกับสภากำกับดูแลเสถียรภาพทางการเงิน (FSOC) เพื่อประเมินความเสี่ยงที่มีต่อเสถียรภาพการเงิน และประเมินว่าควรใช้มาตรการป้องกันหรือไม่ นอกจากนี้ ทางกระทรวงจะร่วมมือกับพันธมิตรในต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการเพิ่มมาตรฐานและยกระดับตลาดการลงทุนในคริปโทฯ