ผู้เขียน หัวข้อ: YLG เผยทองพักตัวหลังพุ่งแรงเฉียด ATH ชี้เป็นโอกาสสะสมซื้อ  (อ่าน 454 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Ailie662

  • *
  • กระทู้: 817
  • Popular Vote : 0
YLG เผยทองพักตัวหลังพุ่งแรงเฉียด ATH ชี้เป็นโอกาสสะสมซื้อ เหตุปีนี้ทองยังน่าสนใจเนื่องจากเงินเฟ้อสูง- ศก.โลกจ่อชะลอตัว

วายแอลจีชี้หลังราคาทองทำเทสใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,070 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากความไม่สงบรัสเซีย-ยูเครน แต่ได้ปรับตัวลดลงหลังจากแรงขายทำกำไร ขณะที่ตลาดกลับมาโฟกัสการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด คาดเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยหลังเงินเฟ้อเดือนก.พ.พุ่งแตะระดับสูงสุดรอบ 40 ปีครั้งใหม่ แต่คาดราคาทองคำปีนี้ยังมีแนวโน้มสดใส เหตุสถานการณ์เงินเฟ้อยังรุนแรง หวั่นราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นฉุดเศรษฐกิจ แนะนำนักลงทุนใช้โอกาสที่ราคาปรับตัวลง กลับเข้าซื้ออีกครั้งหลังจากขายทำกำไรไปในช่วงก่อนหน้า มองแนวรับ 1,953-1,900 ด้านทองในประเทศมองจุดซื้อ 30,700-30,000 ล่าสุดวายแอลจีร่วมมือ CME Group ตลาดอนุพันธ์อันดับหนึ่งที่มีภาพคล่องสูงที่สุดในโลก เปิดให้บริการในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศที่เหตุเทรดได้ 24ชม. ไม่เว้นวันหยุดไทย ทั้ง COMEX Gold ,NYMEX Oil, S&P500, Dow Jones Nasdaq รวมไปถึง Crypto เพิ่มช่องทางนักลงทุนไทยมุ่งสู่ตลาดโลกโดยไม่ผ่านกองทุน บริหารจัดการพอร์ตด้วยตัวเอง

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า ในปีนี้ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล่าสุด ทองโลกสามารถขึ้นไปใกล้กับสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,070 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศทะยานขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยขายออกที่ราคา 32,100 บาทต่อบาททองคำ และซื้อเข้าที่ราคา 32,000 บาทต่อบาททองคำ ก่อนที่จะย่อตัวลงมา แต่มองว่าปีนี้ราคาทองคำก็จะทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยปัจจัยสนันสนุนหลักๆ อาทิ สถานการณ์ในรัสเซียและยูเครน ที่สร้างความกังวลว่าจะยืดเยื้อและกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ที่จะกระทบราคาสินค้าประเภทอื่นๆ และส่งผลต่อเงินเฟ้อให้ปรับตัวขึ้นมากกว่าเดิม ดังนั้น แรงขายทำกำไรสลับออกมาจนราคาทองคำเริ่มปรับตัวลดลง มองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่เทขายออกคำออกไปแล้วได้กลับเข้ามาสะสมซื้อทองคำอีกครั้ง

สำหรับคำแนะนำนักลงทุนในช่วงนี้ผู้ที่มีทองคำในพอร์ตเป็นจำนวนมากแนะนำให้แบ่งขายทำกำไรบางส่วนและถือต่อบางส่วน รวมถึงผู้ที่ลงทุนในตลาดล่วงหน้าหากถือสถานะเป็นจำนวนมาก แนะนำให้ลดสถานะการถือครองทองคำบางส่วน ด้วยการขายทำกำไรระยะสั้นเมื่อราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 2,020-2,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่หากผ่านแนวต้าน 2,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ แนะนำถือสถานะที่เหลือต่อเพื่อรอไปขายที่แนวต้านถัดไปโซน 2,070-2,075 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แล้วรอการอ่อนตัวลงของราคาจึงกลับเข้าซื้อบริเวณแนวรับด้านล่าง

ส่วนผู้ที่ไม่มีทองคำอยู่ในพอร์ตนั้นแนะนำรอการอ่อนตัวลงเพื่อเป็นโอกาสทยอยซื้อ โดยต้องระมัดระวังการไล่ซื้อ ซึ่งประเมินว่าการปรับตัวลงของราคาทองคำยังคงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเช่นเดิม แต่แนะนำให้แบ่งเงินลงทุนเข้าซื้อ โดยไม่เข้าซื้อที่แนวรับใดแนวรับหนึ่งเต็ม 100% ของพอร์ต แนะนำเข้าซื้อแนวรับแรก หากราคาทองคำหากสามารถยืนเหนือแนวรับ 1,970-1,953 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ แต่หากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 1,953 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ควรชะลอการเข้าซื้อออกไปยังแนวรับถัดไปที่ 1,900-1,890 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ขณะที่การหลุด1,890 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จะทำให้ทิศทางราคาทองคำในระยะสั้นเป็นลบมากยิ่งขึ้น จึงอาจชะลอการเข้าซื้ออกไปเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคาอีกครั้ง

อย่างไรก็ดีในช่วงนี้ไม่เพียงแต่ราคาทองคำเท่านั้นที่ปรับตัวขึ้นในระดับสูง แต่สินค้าโภคภัณฑ์อีกหลายชนิดก็ได้ปรับตัวขึ้นไปเช่นกัน การลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศจึงเป็นไปอย่างคึกคัก โดยปัจจัยหนุนที่ส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนมองหาทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ นอกจากนี้การลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศยังเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่หลากหลายเพราะครอบคลุมทั้งการลงทุนใน ทองคำ น้ำมันดิบ สินค้าโภคภัณฑ์ชนิดต่างๆ ดัชนีหุ้นสหรัฐทั้ง S&P500, Dow Jones Nasdaq รวมถึง cryptocurrency สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง อีกทั้งสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชม. ไม่เว้นวันหยุดของประเทศไทย ทั้งนี้ YLG ได้ร่วมมือกับ CME Group เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่เทรดผ่าน YLG futures สามารถเข้าถึงทุกสินค้าของ CME Group ทุกบริการ เช่น Precious Metal futures ,Oil futures ,Cryptocurrency futures , Forex futures ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งกองทุนสถาบันในการเข้าไปซื้อขายสินค้า พร้อมเชื่อมต่อ Exchange ทั่วทั้งโลกไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ ทำให้นักลงทุนและนักเก็งกำไรสามารถจัดการกับความเสี่ยงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งพบว่านักลงทุนให้การตอบรับดีเกินคาด เพราะสามารถบริหารพอร์ตเองโดยไม่ต้องผ่านการบริหารของกองทุนรวม