ชาวอเมริกันเล็งเที่ยวนอกบ้านน้อยลง หลัง
ราคาน้ำมันพุ่งแรงผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักข่าวรอยเตอร์/อิปซอสเปิดเผยว่า ผู้บริโภคในสหรัฐมีแผนจะปรับลดการใช้จ่ายในการรับประทานอาหารที่ร้านอาหารและการรับชมภาพยนตร์ลง หากราคาน้ำมันยังคงพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากการบุกยูเครนของรัสเซียส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ผลสำรวจดังกล่าวระบุว่า ผู้ใหญ่ชาวสหรัฐประมาณ 54% คาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายในการรับประทานอาหารนอกบ้านลง หากราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นจนแตะระดับ 6-7 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ขณะที่ 49% ระบุว่าจะลดการใช้จ่ายในการรับชมภาพยนตร์และความบันเทิงอื่น ๆ ลง และมี 60% ระบุว่าจะไม่ขับรถไปที่ไกล ๆ เพื่อทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ
สมาคมยานยนต์อเมริกัน (AAA) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ปั๊มในวันพฤหัสบดี (10 มี.ค.) อยู่ที่ประมาณ 4.32 ดอลลาร์ต่อแกลลอน เพิ่มขึ้นจาก 3.48 ดอลลาร์ต่อแกลลอนเมื่อเดือนที่แล้ว และราคาน้ำมันอาจพุ่งสูงถึง 6-7 ดอลลาร์ต่อแกลลอน หากราคาน้ำมันดิบพุ่งแตะ 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ผู้ตอบแบบสำรวจ 47% ระบุว่า จะลดการใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้าน เช่น เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ภายในบ้าน หากราคาน้ำมันยังคงพุ่งขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรได้ตอบโต้การบุกยูเครนของรัสเซีย ซึ่งเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 แล้ว ด้วยการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหญ่อย่างไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงการที่สหรัฐห้ามนำเข้าพลังงานจากรัสเซียด้วย
การคว่ำบาตรทำให้เศรษฐกิจรัสเซียปั่นป่วน แต่ผู้บริโภคสหรัฐเองก็ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันที่สูงอยู่แล้วสูงขึ้นอีกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในครัวเรือน