ผู้เขียน หัวข้อ: SA เป้ารายได้ปี 65 โตเกือบเท่าตัวรับตลาดฟื้น,ผุดศูนย์สุขภาพ-รุกธุรกิจ AMC  (อ่าน 404 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ deam205

  • *
  • กระทู้: 1,097
  • Popular Vote : 0
SA เป้ารายได้ปี 65 โตเกือบเท่าตัวรับตลาดฟื้น,ผุดศูนย์สุขภาพ-รุกธุรกิจ AMC

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) เปิดเผยว่า บริษัทตั้ชเป้ารายได้ในปี 65 ที่ 4.5-4.9 พันล้านบาท เติบโตเกือบ 100% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการฟื้นตัวเองตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังจากภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวขึ้น ทำให้การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในตลาดกลับมาคึกคัก โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมียอดขายที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นมาที่ 200-300 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ราว 100-200 ล้านบาท เป็นสัญญาณที่ดี

ในปี 65 บริษัทจะมีการทยอยโอนโครงการที่เป็นมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 1 พันล้านบาท จะเข้ามาเป็นปัจจัยสนับสนุนการสร้างรายได้ จาก Backlog ที่มีอยู่ทั้งหมด 4.32 พันล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะทยอยโอนไปจนถึงปี 69 ขณะที่บริษัทยังมีการทยอยขายโครงการที่อยู่ในสต็อกกว่า 5 พันล้านบาทอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะทยอยระบายได้ทั้งหมดภายในสิ้นปี 66

แผนกลยุทธ์ของบริษัทในปีนี้จะหันมาเนินการขยายตลาดแนวราบมากขึ้น โดยวางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 6 โครงการ มูลค่ารวม 1.16 หมี่นล้านบาท เป็นแนวราบ 4 โครงการ ส่วนอีก 2 โครงการเป็นคอนโดมิเนียม

นายขจรศิษฐ์ กล่าวว่า การขยายตลาดแนวราบในปีนี้เพื่อสร้างความเสถียรและกระจายความเสี่ยงในด้านรายได้ของบริษัท เนื่องจากทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากโครงการแนวราบเข้ามาได้เร็วกว่าคอนโดมิเนียม คาดว่าปีนี้จะมีรายได้จากแนวราบเข้ามากว่า 3 พันล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของเป้ารายได้ทั้งปี จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 5% และบริษัทตั้งเป้ามีสัดส่วนเพิ่มเป็น 50% ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า

บริษัทยังมีแผนพัฒนาศูนย์สุขภาพในโครงการมิกซ์ยูสในปีนี้ เน้นบริการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งแห่งแรกจะตั้งอยู่ทำเลยย่านตลิ่งชันใกล้กับทางรถไฟและโรงพยาบาลศิริราช มูลค่าลงทุน 2 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ปลายปี 66 และยังอยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนาศูนย์สุขภาพเพิ่มอีก 2 แห่ง ทำเลใกล้กับโรงพยาบาล โดยอาจจะเป็นการพัฒนาโครงการในหัวเมืองใหญ่

ส่วนงบลงทุนในปี 65 บริษัทตั้งไว้ที่ 6.5 พันล้านบาท โดยที่จะใช้รองรับในการซื้อที่ดินราว 2 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้ในการรองรับการก่อสร้าง และการลงทุนในธุรกิจใหม่ และบริษัทอยู่ระหว่างกระบวนการขออนุมัติวงเงินสนับสนุนสินเชื่อจาก IFC ซึ่งเป็นสินเชื่อประเภท Green Finance วงเงิน 1 พันล้านบาท คาดว่าจะได้รับอนุมัติในเร็วๆ นี้ โดยบริษัทจะนำมารองรับการลงทุนโครงการที่สนับสนุนด้านคุณภาพชีวิตของคน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม Low rise ย่านลาดพร้าวที่อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการพัฒนา ซึ่งวงเงินสินเชื่อจาก IFC จะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลงมาเป็น 5% จากเดิมที่ 6%

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจัดตั้งธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ (AMC) คาดว่าจะได้รับในไตรมาส 2/65 จากนั้นจะเริ่มซื้อ NPL และ NPA มาบริหาร ตั้งเป้าภายใน 3 ปีจะมีพอร์ตหนี้ 2.6 พันล้านบาท และเตรียมต่อยอดธุรกิจไปสู่ธุรกิจลีสซิ่งอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นการใช้เครดิตสินทรัพย์ของลูกค้ามาค้ำประกันในการซื้อโครงการของบริษัท ซึ่งจะต้องยื่นขอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพิ่มเติม โดยที่เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะเขิมาสนับสนุนในการช่วยขยายฐานลูกค้า และหนุนต่อการขายโครงการของบริษัทให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

นายขจรศิษฐ์ เปิดเผยอีกว่า บริษัทมองว่าในช่วงปลายปี 66 จะเริ่มเห็นความชัดเจนของการนำบริษัทในเครือเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) โดยที่บริษัทจะมีการทยอยส่งบริษัทในเครือทั้งธุรกิจอาหาร ธุรกิจบริหารจัดการโรงแรม ธุรกิจสุขภาพ และธุรกิจ AMC เข้าตลาดหุ้นในอนาคต