ผู้เขียน หัวข้อ: KWM เผยออเดอร์ต้นปีทะลักรับอานิสงส์ภาคเกษตรฟื้นต่อเนื่อง,ลุยขายออนไลน์  (อ่าน 480 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ hs8jai

  • *
  • กระทู้: 769
  • Popular Vote : 0
KWM เผยออเดอร์ต้นปีทะลักรับอานิสงส์ภาคเกษตรฟื้นต่อเนื่อง,ลุยขายออนไลน์

นางสาวติยาภรณ์ วนโกสุม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมการเกษตรในปี 65 ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากราคาพืชผลทางการเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปีก่อน ประกอบกับปริมาณน้ำที่มีเพียงพอสำหรับทำการเกษตร มองว่าเป็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มผู้ประกอบการการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการเกษตร ซึ่ง KWM ก็ได้รับอานิสงส์ดังกล่าวด้วย

จากประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้ KWM ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/65 จากดีมานด์การฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มียอดคำสั่งซื้อกลับเข้ามาอย่างชัดเจน ประกอบกับ บริษัทมีการสต็อกสินค้าไว้พร้อมสำหรับส่งมอบ โดยปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ใบผาลเข้ามาแล้วอยู่ที่ประมาณ 50,000 ใบ ซึ่งถือว่ามากกว่าปกติที่จะผลิต 30,000-40,000 ใบ โดยบริษัทมีความพร้อมในการส่งมอบสินค้าให้ครบในทุกคำสั่งซื้อ

บริษัทเตรียมสต็อกสินค้าไว้ตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนเพื่อรองรับช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งหากมียอดคำสั่งซื้อเข้ามากว่าปกติก็ยังมีสินค้าเพียงพอและพร้อมส่งมอบเต็มจำนวนอย่างแน่นอน ซึ่งสอดรับกับแผนกลยุทธ์สำหรับการรองรับการเติบโตทางธุรกิจ หลังจากบริษัทวางงบลงทุนไว้ 50 ล้านบาทในการเพิ่มเครื่องจักรในการผลิตไลน์ใหม่ เป็นไลน์ที่ 3 ในระบบออโตเมชั่นที่สามารถลดการใช้แรงงานและสามารถผลิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสนี้

ขณะเดียวกัน ยังมีแผนขยายการลงทุนในคลังสินค้าเพื่อรองรับความต้องการสินค้าช่วงไฮซีซั่น ที่มีความต้องการสินค้ามากกว่าช่วงเวลาปกติ 2-3 เท่าตัว คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/65 ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมทั้งด้านการลงทุน การผลิต และการส่งมอบออดเอร์ ที่ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการของลูกค้า

"ปัจจัยหนุนที่ทำให้ยอดคำสั่งซื้ออุปกรณ์ทางการเกษตรเพิ่มขึ้น มาจากทั้งลูกค้าเดิมที่มีการซื้อซ้ำ ประกอบกับการมีลูกค้าใหม่ๆ เข้าเพิ่ม ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนหันมาทำการเกษตรมากขึ้น รวมถึงผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ มีการปรับเปลี่ยนกระจายความเสี่ยง (Diversify) ไปในหลายธุรกิจมากขึ้น จึงทำให้มีการสั่งซื้ออุปกรณ์ทางการเกษตรเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง"
นางสาวติยาภรณ์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 65 ฟื้นตัวอย่างชัดเจน หลังสต็อกสินค้าและวัตถุดิบไว้แล้ว ประกอบกับการผลิตและจำหน่ายให้กับกลุ่มบริษัทการเกษตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ภายใต้แบรนด์ "ตราช้าง" นั้น บริษัทฯเตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มใบจอบหมุน (ใบโรตารี่) และใบเกลียวรุ่นใหม่ๆ เพื่อเข้าไปจำหน่ายเพิ่มเติม เนื่องจากก่อนหน้านี้ สยามคูโบต้า ได้นำเข้าสินค้าดังกล่าวจากต่างประเทศบางส่วน และเล็งเห็นว่าหลังจากนี้จะให้ทาง KWM เป็นผู้ผลิตสินค้าดังกล่าวทดแทนจากนำเข้า ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อจากช่องทางนี้เพิ่มขึ้น

ส่วนสินค้าภายใต้แบรนด์ "Pegasus" ซึ่งเป็นตราสินค้าของบริษัทเองที่ผลิตอุปกรณ์การเกษตร อาทิ ใบผาล ใบจักร ใบคัดท้าย โครงผาล ใบดันดิน ใบเกลียวลำเลียงนั้น ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเตรียมบุกตลาดเพิ่มมากขึ้นเพื่อจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ตรงถึงผู้บริโภค (Consumer) แบบไม่มีผ่านคนกลาง ตั้งเป้าสร้างยอดขาย 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 60 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 20% ของยอดขายรวม เน้นทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์ม Facebook, TikTok และ Lazada ประกอบกับมีการออกแคมเปญเพิ่มขึ้น โดยยอมรับว่าการจำหน่ายผ่านช่องทางดังกล่าวมีมาร์จิ้นสูงกว่าช่องทางอื่นๆ อย่างไรก็ตามจากแผนธุรกิจดังกล่าวส่งผลให้บริษัทประเมินอัตราการเติบโตรายได้รวมในปีนี้เพิ่มขึ้น 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 567.30 ล้านบาท