ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรอ่อนเทียบดอลล์ หลังดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมนีร่วงหนัก  (อ่าน 484 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jessicas

  • *
  • กระทู้: 511
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรอ่อนเทียบดอลล์ หลังดัชนีความเชื่อมั่นเยอรมนีร่วงหนัก

สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (15 มี.ค.) หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีทรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนมี.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.10% แตะที่ 99.0960 เมื่อคืนนี้

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0943 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0963 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3034 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3019 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7190 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7195 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 118.32 เยน จากระดับ 118.09 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9420 ฟรังก์ จากระดับ 0.9377 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2781 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2824 ดอลลาร์แคนาดา

สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันหลังจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีดิ่งลงสู่ระดับ -39.3 ในเดือนมี.ค. จากระดับ +54.3 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +10.0 โดยการดิ่งลงของดัชนีดังกล่าวเป็นการบ่งชี้ว่าเยอรมนีมีแนวโน้มมากขึ้นที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ดัชนีความเชื่อมั่นทรุดตัวลงมากเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในเดือนธ.ค.2534 โดยได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามในยูเครน และการออกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย

นักลงทุนจับตาผลการเจรจาสันติภาพรอบที่ 4 ระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งเป็นการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องให้รัสเซียทำการหยุดยิง และถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากยูเครน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนก.พ., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.