ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าร่วง วิตกโควิดระบาด-จีนล็อกดาวน์เซินเจิ้น
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าในแดนลบ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดในจีนและนำไปสู่การล็อกดาวน์หลายเมืองกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 25,385.11 จุด เพิ่มขึ้น 77.26 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 18,947.25 จุด ลดลง 584.41 จุด หรือ -2.99% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,153.11 จุด ลดลง 70.42 จุด หรือ -2.18%
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยในวันนี้ว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 5,154 ราย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดที่จีนพบผู้ติดเชื้อรายวันสูงกว่า 5,000 ราย โดยขณะนี้จีนกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งทำให้รัฐบาลจีนตัดสินใจล็อกดาวน์เมืองต่าง ๆ เพิ่มอีกหลายเมือง และใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดมากขึ้น
ข้อมูลของ NHC ระบุว่า ในบรรดาผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบล่าสุดนี้ มีกว่า 4,000 รายที่พบในมณฑลจี้หลินซึ่งมีพรมแดนติดกับรัสเซีย โดยมณฑลจี้หลินซึ่งมีประชากรราว 24 ล้านคนได้ถูกล็อกดาวน์ตั้งแต่วันจันทร์ (14 มี.ค.) ขณะที่เมืองหลานฟางซึ่งอยู่ติดกับกรุงปักกิ่ง ได้ถูกล็อกดาวน์ในช่วงเช้าวันนี้ (15 มี.ค.) หลังจากที่มีการชัตดาวน์เมืองเซินเจิ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเมืองเซินเจิ้นซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของจีนอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการเดินทางที่เข้มงวดที่สุดในขณะนี้
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนสั่งล็อกดาวน์เมืองเซินเจิ้นจนถึงวันที่ 20 มี.ค. โดยจะปิดระบบขนส่งของรถประจำทางและรถไฟใต้ดินทั้งหมด นอกจากนี้ ภาคธุรกิจในเมืองนี้จะถูกสั่งให้ปิดทำการทั้งหมด ยกเว้นธุรกิจบริการที่จำเป็น ส่วนบรรดาพนักงานจะถูกร้องขอให้ทำงานจากที่บ้านหากสามารถทำได้ และชาวเมืองเซินเจิ้นจะถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกเมือง นอกจากนี้ เมืองตงกวนซึ่งเป็นเมืองสำคัญด้านการผลิตที่ตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้งได้ถูกสั่งให้ระงับการผลิตที่โรงงานต่าง ๆ ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะเปิดฉากขึ้นในวันอังคารที่ 15 มี.ค. และจะมีการแถลงผลการประชุมในวันพุธที่ 16 มี.ค.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 17 มี.ค.ตามเวลาไทย ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2561