บิตคอยน์ร่วงกว่า 500 ดอลล์ หลัง
เฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี
ราคาบิตคอยน์ร่วงลงกว่า 1% ในช่วงบ่ายนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ และส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งในปีนี้
ณ เวลา 14.01 น.ตามเวลาไทย ราคาบิตคอยน์ร่วงลง 501 ดอลลาร์ หรือ -1.21% แตะที่ 40,751 ดอลลาร์
เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้
ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลให้สภาพคล่องไหลออกจากตลาดการเงิน ซึ่งรวมถึงตลาดคริปโทเคอร์เรนซี
นายไมเคิล โนโวแกรทซ์ มหาเศรษฐีนักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทกาแล็กซี ดิจิทัล โฮลดิ้งส์ (Galaxy Digital Holdings) กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กเมื่อวานนี้ว่า ราคาบิตคอยน์มีแนวโน้มปรับตัวในกรอบแคบ ๆ อย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นายโนโวแกรทซ์กล่าวว่า บิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว เช่นเดียวกับสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่น ๆ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เฟดตัดสินใจเสริมสภาพคล่องในตลาดด้วยการคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย แต่ขณะนี้ เฟดเริ่มคุมเข้มนโยบายการเงิน จึงทำให้นักลงทุนต้องหันมาประเมินความเสี่ยงอีกครั้ง