ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 518.76 จุด หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด  (อ่าน 430 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Prichas

  • *
  • กระทู้: 1,059
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 518.76 จุด หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดในวันพุธ (16 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,063.10 จุด เพิ่มขึ้น 518.76 จุด หรือ +1.55%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,357.86 จุด เพิ่มขึ้น 95.41 จุด หรือ + 2.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,436.55 จุด เพิ่มขึ้น 487.93 จุด หรือ +3.77%

คณะกรรมการเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเฟดระบุว่า สงครามในยูเครนและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งในระยะใกล้ ปัจจัยดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อและเป็นปัจจัยถ่วงเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เฟดระบุว่า การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นเรื่องที่มีความเหมาะสมในการสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ขณะเดียวกันเฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 4.3% และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในปี 2566-2567 สู่ระดับ 2.7% และ 2.3% ตามลำดับ

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งหมายความว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมทุกครั้งหลังจากนี้ และจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ระดับ 1.75-2.00% ในปลายปีนี้

เดวิด เคลลี นักวิเคราะห์จากบริษัทเจพีมอร์แกน แอสเซท แมเนจเมนท์ กล่าวว่า ตลาดขานรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพราะเชื่อว่า การปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติและการควบคุมเงินเฟ้อจะเป็นผลดีกับเศรษฐกิจในระยะยาว แม้ว่าในระยะสั้นนี้ธุรกิจในหลายภาคส่วนที่ต้องพึ่งพาอัตราดอกเบี้ยต่ำอาจได้รับผลกระทบก็ตาม

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นขานรับเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ทะยานขึ้น 6.3% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 4.45% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.11% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.07% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดีดขึ้น 2.99%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังจากราคาหุ้นดิ่งลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 8.97% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 4.01% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 2.527% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 3.16% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส พุ่งขึ้น 6.04% หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 2.9%

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยหุ้นออกซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 2.82% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.30% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.38% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวลง 0.41% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 0.24%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ขณะนี้รัสเซียและยูเครนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงบางส่วนในการเจรจาสันติภาพ หลังจากที่ยูเครนยอมตกลงที่จะหารือเกี่ยวกับสถานะประเทศเป็นกลาง โดยคำกล่าวของนายลาฟรอฟได้เพิ่มความหวังว่ารัสเซียจะยุติการทำสงครามในยูเครน

ทางด้านนายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า ปธน.เซเลนสกีอาจจัดการเจรจาโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในอีกไม่กี่วันนี้ โดยเขาเชื่อว่าหนทางเดียวที่จะยุติสงครามนี้คือการเจรจาโดยตรงระหว่างประธานาธิบดีทั้งสอง