ผู้เขียน หัวข้อ: ตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามตลาดหุ้นโลกหลังตอบรับข่าวเฟดขึ้นดอกเบี้ยแล้ว  (อ่าน 595 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ luktan1479

  • *
  • กระทู้: 1,132
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามตลาดหุ้นโลกหลังตอบรับข่าวเฟดขึ้นดอกเบี้ยแล้ว

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากตลาดตอบรับข่าวการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไปแล้ว ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ ขณะที่ยุโรปก็ยังไม่มีมาตรการคว่ำบาตรด้านพลังงานต่อรัสเซีย ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเล็กน้อย และส่งผลให้ตลาดหุ้นกลับมามองว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ทำให้ภาวะเงินเฟ้อไม่ได้รุนแรงจนเกินไป ขณะที่ตลาดหุ้นบ้านเรา ในข่วง 2 วันที่ผ่านมามีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ค่อนข้างมาก จาก S&P ปรับลดอันดับเครดิตธนาคารพาณิชย์ลง แต่เริ่มเห็นการซื้อคืนในช่วงท้ายตลาดเมื่อวานนี้ มองว่านักลงทุนน่าจะตอบรับเรื่องดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว และน่าจะมีแรงซื้อคืนในวันนี้ ทำให้ภาพของการลงทุนในวันนี้อาจเห็นการเทขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง และกลับเข้ามาซื้อหุ้นธนาคารพาณิชย์ โดยมีแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ(Bond Yield) ที่ปรับตัวขึ้น 2.4% ตอกย้ำดอกเบี้ยอยู่ในข่วงขาขึ้น ส่งผลดีต่อผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ดีตามไปด้วย ให้แนวรับไว้ที่ 1,670-1,673 จุด และแนวต้าน 1,685-1,690 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,807.46 จุด เพิ่มขึ้น 254.47 จุด หรือ + 0.74%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,511.61 จุด เพิ่มขึ้น 50.43 จุด หรือ +1.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,108.82 จุด เพิ่มขึ้น 270.36 จุด หรือ +1.95%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,606.79 จุด เพิ่มขึ้น 382.68 จุด หรือ +1.41%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,088.79 จุด เพิ่มขึ้น 199.51 จุด หรือ +0.91% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,264.79 จุด เพิ่มขึ้น 4.93 จุด หรือ +0.15%
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 มี.ค.) ที่ระดับ 1,677.87 จุด เพิ่มขึ้น 4.00 จุด, +0.24%
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,713.71 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 มี.ค.65
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.(22 มี.ค.) ลดลง 36 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 111.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 มี.ค.) อยู่ที่ 11.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 33.49 แข็งค่าจากวานนี้ ตลาดจับตาปัจจัยใน-ตปท. คาดกรอบ 33.40 - 33.60
นายกฯ ประกาศแผน ลดค่าครองชีพรับมือน้ำมันแพง 10 มาตรการ วงเงิน 7 หมื่นล้านบาท ดูแลช่วง พ.ค.-ก.ค. อุ้มค่าก๊าซ-เบนซินผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ ตรึงดีเซล 30 บาท ถึงสิ้น เม.ย. ลดจ่ายสมทบประกันสังคม "พลังงาน" เร่งทำแผนขอใช้งบกลาง
อีวี คึกคักงานมอเตอร์โชว์ หลังสรรพสามิตลงนามบริษัทรถยนต์ อัดเงินสนับสนุนการซื้อ เอ็มจีประกาศหั่นราคาสูงสุดกว่า 2.4 แสน หลังเกรท วอลล์ขยับล่วงหน้า ปรับลง 1.61 แสน ก่อนลดอีกรอบหลังกฎหมาย บังคับใช้ ด้านปิกอัพสมรรถนะสูง พรีเมียมได้รับความสนใจสูง ด้านภาพรวมตลาดคาดปีนี้ 9 แสนคัน หลัง 2 เดือนแรกเริ่มต้นดี แต่ยังหวั่นสถานการณ์น้ำมัน ชิ้นส่วนขาดแคลน
"เอสแอนด์พี" หั่นเรทติ้ง 4 แบงก์ใหญ่ "เคแบงก์-เอสซีบี-เคทีบี-ทีทีบี" ธปท.ยันเงินกองทุนธนาคารไทยยังแกร่ง "บล.กสิกรไทย" หวั่น จีดีพีโตต่ำคาด กระทบกำไรกลุ่มปี 65 ลดลงราว 5-6% จากที่คาด 1.45 แสนล้าน "บล.เอเซีย พลัส" ให้น้ำหนักลงทุนเท่าตลาด
ธุรกิจอีเวนต์เฮ ศบค.คลายล็อกไฟเขียวจัดงาน คาดไตรมาส 3 คึกคัก "คอนเสิร์ต แสดงสินค้าสุขภาพความงาม-อาหาร" นำร่อง "เดอะมอลล์" ปูพรมจัดงานตลอดปี 300 งาน หวังเพิ่มทราฟฟิก คาดครึ่งปีหลังบิ๊กอีเวนต์เพียบ
กนอ. เดินหน้าเปิดประมูล โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ช่วงที่ 2 วงเงิน 7,500 ล้านบาท คาด ม.ค.ปีหน้าเซ็นสัญญากับผู้ชนะได้ พร้อมสร้างท่าเทียบเรือสินค้าเหลว-ก๊าซ LNG คลังสินค้า-โลจิสติกส์ เอกชนขอความชัดเจนสิทธิประโยชน์ BOI เว้นภาษี 6 ปี พ่วงสิทธิประโยชน์ ครม.อนุมัติโปรเจ็กต์ใหม่ศูนย์กลางธุรกิจอีอีซี ลงทุนเฟสแรก 1,900 ล้าน
*หุ้นเด่นวันนี้

-EA (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 96.50 บาท แนะนำเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นสาย EV ในพอร์ต EA เด่นและเป็นตัวตั้งต้นของหุ้นสายยานยนต์ไฟฟ้าไทย ระหว่างปีผลผลิตของโรงงานแบตเตอรี่จะทยอยเข้าสู่ตลาด Ecosystem จะเริ่มขยายตัวหลังรัฐหนุนยานยนต์ EV ทั้งประเภทผลิตในประเทศและนำเข้า เมื่อ Demand เกิด Ecosystem จะโต ผู้ผลิตจะเกิด Economy of Scale เร็วขึ้น Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 8.8 พัน ลบ. และ 1.1 หมื่น ลบ. +44%YoY, 26%YoY ตามลำดับ

TACC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" เป้าหมาย 8.70 บาท ระยะสั้นแนวโน้มกำไรครึ่งแรกปี 65 ยังดูดีและเข้า High Season โดยรายได้เติบโตทั้งจากธุรกิจเครื่องดื่มทั้ง 7-11 และ Non 7-11 รวมถึงธุรกิจ Character ที่ดีขึ้น ส่วนฝั่งต้นทุนยังกระทบไม่มาก ผู้บริหารยังตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15% เร่งตัวตามการ Reopening และการใช้ชีวิตที่ปกติมากขึ้น ส่วนฝั่งต้นทุนหากครึ่งหลังปี 652H22 ยังไม่ผ่อนคลายอาจพิจารณาปรับขึ้นราคาขาย เรายังคาดกำไรปีนี้โตแข็งแรง +9% Y-Y
CENTEL (คิงส์ฟอร์ด) ซื้อเก็งกำไร เป้าหมาย IAA Consensus 43.50 บาท ได้ประโยชน์จากการ Reopening ในประเทศ รวมถึงมาตรการผ่อนคลายต่างๆสูงเนื่องจาก Portfolio โรงแรมของ CENTEL มีสัดส่วนห้องในไทยมากถึงราว 80% ขณะที่โรงแรมใน Maldives ได้แรงหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศที่ฟื้นตัวดี โดยยอดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ Maldives ช่วง 1 ม.ค.-21 มี.ค.65 ที่ 381,122 ราย +48.9%YoY แม้ต่ำกว่า Pre-Covid ปี 62 ที่ 424,414 รายบ้าง ด้านธุรกิจ Food คาดเห็นการฟื้นตัวตามการเปิดเมืองในไทยเช่นกันโดยแบรนด์ของบ.ยังมีความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็น KFC หรือ Mister Donut ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี 65 CENTEL มีโอกาสที่จะพลิกกลับมามีกำไรได้หลังจากที่ขาดทุนในปี 63-64