ชอบขับเร็วครับผม คือเวลาจะแซงติดบูสตลอด ถนนว่างๆก็กด ผมชอบครับ เพราะที่ผ่านมาผมขับพวก J กับ VTEC มันอึด ส่วนเครื่อง SR ก็เคยขับอยู่2ปี ก็คิดว่าเครื่องไปง่ายที่สุดแล้ว แต่มาเจอ EJเข้าไปอึ้งเลย ซือมาปีกว่าได้อยู่ในรถยังไม่ถึง15วันเลยครับ ช่างได้อยู่นานกว่าผมอีก
ขอบคุณมากๆครับคุณพี่
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ตัวผมเองใช้รถก็เรียกว่าค่อนข้างจะเต็มที่ ไม่ว่าจะพาเค้าไปเที่ยวไหนต่อไหน วิ่งเล่นในสนามก็บ่อย.....แต่ตลอดเวลาที่ใช้มารถผมไม่เคยเสียแบบหนักหนาเลย ถ้าอย่างงั้นขออนุญาตเรียกว่าเล่าสู่กันฟังดีกว่านะครับ ผมเองก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรนักหนาหรอกครับ
ต้องเข้าใจเค้าก่อนว่า เครื่อง EJ เป็นเครื่อง 4 สูบเทอร์โบ สูบโต ชักสั้น เกียร์ชิด...Character ของรถเป็นรถที่เน้นเรื่องอัตราเร่งเป็นหลัก และมี Handling ที่ยากจะหาตัวจับได้ในรถระดับเดียวกัน ขับปรู๊ดปร๊าดในเมืองเนี่ย สนุกแน่นอน และไม่ใช่รถที่มุ่งเน้นมาทำ Top Speed ซักเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตามรถอย่างซูบารุสามารถเดินทางไกลด้วยความเร็วสูงได้เป็นปกตินะครับ เมื่อเร่งแซงก็ติดบูสท์ได้ตามปกติ แต่พอวิ่งที่ความเร็วคงที่เทอร์โบก็จะไม่ติดบูสท์ (ถ้ามีวัดบูสท์อยู่ ลองสังเกตได้ครับ) แต่ก็มีเรื่องที่ต้องใส่ใจซักหน่อย ด้วยความที่เป็นเครื่องชักสั้น เกียร์ชิด ทำให้เมื่อเดินทางด้วยความเร็วสูงนานๆ รอบเครื่องที่ใช้ก็จะค่อนข้างสูง เมื่อรอบสูงก็จะเกิดความร้อนสะสมค่อนข้างมาก ดังนั้นถามต่อมาว่า อะไรที่ทำหน้าที่ระบายความร้อนและลดการสึกหรอให้เครื่องยนต์?
......ก็คงหนีไม่พ้นน้ำมันเครื่องใช่มั้ยครับ ดังนั้นหากเป็นคนที่ชอบขับรถเร็ว ผมขอให้ใส่ใจในเรื่องน้ำมันเครื่องซักหน่อย ใช้น้ำมันเครื่องให้ดี และ ใส่ใจกับเรื่องอุณหภูมิน้ำมันเครื่องซักหน่อย ซึ่งถามว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม ก็ต้องมองต่อไปอีกว่า เกรดน้ำมันเครื่องที่ใช้เป็นเกรดอะไร เช่น 50 หรือ 60 (ดูเฉพาะตัวหลังก็พอครับ เพราะเมืองไทย ไม่ใช่เมืองหนาว) ยิ่งใช้ตัวหลังมาก ก็จะยิ่งทนความร้อนได้สูงตาม อุณหภูมิปลอดภัยสำหรับเครื่องของน้ำมันเครื่องเกรด 50 ก็ราวๆ ซัก 110 องศาเซลเซียส ถ้าเป็น เกรด 60 สามารถทนได้แบบปลอดภัยถึงเกือบ 120 องศาฯ ซึ่งถ้าชอบขับเร็ว ก็หาเกจ์อุณหภูมิน้ำมันเครื่องมาติดไว้ซักหน่อย จะได้ยกเท้าทัน ยิ่งถ้าชอบขับเร็วยาวๆ ก็แนะนำว่าให้หาออยล์คูลเลอร์มาใส่ซะ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิและยืดอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่อง ส่วนความถี่ในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก็แล้วแต่การใช้งานครับ ถ้าใช้งานหนักก็เปลี่ยนให้เร็วกว่ากำหนดขึ้นมา
อีกเรื่องนึงคือ อย่าลากรอบเกิน เพราะเครื่องเทอร์โบ ไม่จำเป็นต้องลากจนตัดเหมือนเครื่อง NA ครับ เมื่อเทอร์โบหมดความสามารถในการทำลมแล้ว ลากรอบไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา นอกจากความสะใจที่เห็นเข็มวัดรอบกวาดไปบนหน้าปัด ถ้าเป็นคอแดงธรรมดา วิ่งเพลินๆ บนถนน ผมแนะนำว่าเปลี่ยนเกียร์ที่ซักไม่เกิน 6500 รอบก็พอครับ ลองดูครับ แล้วจะรู้ว่าแค่นี้ก็มันส์แล้ว
ส่วนเรื่องอู่ครับ ผมแนะนำว่าให้เข้าไปคุยกับอู่ที่ชำนาญซูบารุโดยตรงดีกว่าครับ เพราะเครื่อง EJ เนี่ย ถ้าช่างที่ไม่เข้าใจเค้าถ่องแท้จะบอกว่า เล่นทำไมซูบารุ ซ่อมยาก ดูแลยาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ซูบารุไม่ได้ดูแลยากอย่างที่คิด โดยเฉพาะเมื่อเป็นเครื่องสแตนดาร์ด (มันก็คือรถโรงงานที่มีแรงม้าเยอะเท่านั้นเอง) อย่างไรก็ตามเมื่อจะต้องมีการโอเวอร์ฮอล อย่างที่บอกไปในคำตอบที่แล้วว่า Clearance กับ ความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นใส่ใจเรื่องฝีมือช่างหน่อยเถอะครับ
ขอให้โชคดีครับ