แบบนี้ป่ะครับพี่ปุ้ย
แม่นน .. แต่เกียร์ธรรมดานะ ด้วยความคะนองเคยเอาไปอัดแข่งกับ Corolla GTI 16 Valve ของเพือน ซัดกันไป 200 ช่วงกำลังลงสะพานแขวน ในวันฟังผลวันสุดท้ายของปี 4 (คือเรียนจบวันนั้น)
พอลงมาหน่อย ถึงช่วงโค้ง มี 405 Mi16 สมัยนั้นแรงสุดๆ มาเบียดเพื่อแข่งกัน ก็ซัดกันในระดับ 180-200 กันมาสักพักจนบังทางเอาเหลี่ยมกันดันให้ผมเข้าไปในช่องซ้ายสุดที่มี 18 ล้อ วิ่งอยู่ที่ประมาณ 100 ส่วนผมมาประมาณต่ำกว่า 180 หน่อย ระยะเบรคประมาณเกินคันรถเมล์แค่นั้นเอง กดเบรคมากก็ล้อล็อคคว่ำแน่นอน (ยุคนั้นไม่มี ABS) ออกขวาก็ไม่ได้ มีรถประกบอยู่ (18 ล้อเหมือนกัน) เสียบก็ตาย เข้าขวาถ้าไม่กลายเป็นเปิดประทุนก็คอขาด ผมแต่งเบรคจนจ่อคันหน้าไม่เกิน 2 ฟุต ส่วนหน้ารถมีอาการดิ้นเหมือนเอามือจับปลาช่อนเป็นๆ ที่กลางลำตัว หัวก็จะสะบัดไปมา เป็นอย่างนั้นอยู่พักใหญ่แต่รู้สึกเหมือนเป็นชั่วโมง ผมคิดในใจว่าผมคงตายแน่ คงไม่มีโอกาสรอดกลับมาอีก วินาทีนั้นนึกเสียใจที่โกหกพ่อ เพื่อเอารถมาขับ และอาจทำให้เพื่อนสนิทในกลุ่มอีก 2 คนที่นั่งอยู่ ตายไปด้วย นึกสงสารทั้งพ่อแม่ตัวเองและพ่อแม่เพื่อน อีกทั้งสมเพชตัวเองอีกตะหากว่าคะนองจนลืมตัว แทนที่พ่อแม่จะได้ชื่นชมในวันที่เรียนจบมหาลัย กลับต้องมาตายแถวนี้แล้วยังพาคนอื่นเดือดร้อนไปด้วย
สุดท้ายผมก็ผ่านวินาทีเฉียดตายตรงนั้นมาได้ และเบี่ยงลงทางออกพระราม 4 มุ่งหน้าไปมหาลัยเพื่อเอาใบจบ เพื่อนผมในรถจิกเล็บลงไปบนคอนโซลจนเห็นรอยได้อย่างชัดเจนพักใหญ่ทีเดียว ไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนเงียบหมด มามีเสียงอีกทีตอนเข้าถ.อังรีฯ ผมหันไปขอโทษทุกคน เรื่องนี้พ่อแม่ผมไม่เคยรู้ แต่ผมปฏิญาณกับตัวเองว่าผมจะไม่ทำอีก จนกว่าผมจะรู้วิธีควบคุมรถ และมีรถที่สมรถนะดีจริงๆ และต้องอยู่บนเส้นทางที่ไม่เดือดร้อนใคร หลังจากวันนั้นผมไม่เคยขับในย่านความเร็วเกิน 200 อีก เพื่อนชวนผมไปนั่ง R33 600 กว่าม้าผมยังไม่กล้าไปเลย (เพราะเป็นถนนหลวง) แต่ถ้าเข้าแทร็คผมเอา
เมื่อเดือนก่อนตอนทริปชมจันทร์ ทุกอย่างเป็นใจ ถนนโล่ง รถสมถนะถึง ผมกดเพื่อจะลองให้เกิน 200 (เข็มไมล์ผม 180 แต่พอจะกะได้) เชื่อมั้ยว่าพอกดไปถึงตรงนั้นปั๊ป (จากการประมาณของผม) มีเสียงดังสนั่นมาจากโช้คหลังซ้าย เสียงดังมากเหมือนประมาณแกนโชคหักหรือบิดตัวกันเลย ปรากฎว่าเป็นการไปเหยียบชิ้นงานเหล็กแล้วสะบัดมาตีซุ้ม ยางแตกบนวงแหวนอุตสาหกรรม ผมคิดอย่างเดียวว่าซวย แต่พอเห็นรูปรถที่เต้ยโพสมาวันนี้ ซึ่งเป็นรถรุ่นของคุณพ่อผมในวันนั้น มันทำให้ผมนึกว่าบางทีท่านอาจจะมาเตือนผมให้หยุด (คุณพ่อผมเสียไป 16 ปีแล้ว) เพราะมันไม่ใช่ถนนสำหรับใช้ความเร็วแบบนั้น ใครจะรู้ว่าผมอาจเหยียบต่ออีกสักหน่อย (เพราะยังไปได้อีกเกือบ 20%) ซึ่งมันจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ เพราะทัศนวิสัยวันนั้นค่อนข้างมืดมาก หากมีอะไรบนถนนคงไม่ทันหลบ ก็เขียนยาวไปหน่อยเพราะอยากให้น้องๆ ที่กำลังเรียนใช้สติมากๆ เวลาอยู่หลังพวงมาลัย คุณพ่อคุณแม่ท่านให้รถเราเพราะรักและเป็นห่วงเรา ไม่อยากให้ลำบาก ก็ตอบแทนท่านด้วยการขับขี่อย่างปลอดภัยและตั้งใจเรียนแล้วกันนะครับ