การฝึกในสมอง
คนที่อาจจะคุ้นกับการทำงานของสมองของคนเราอาจจะพอรู้มาบ้าง ว่า หลังจากเวลาเราหัดทำอะไรซักอย่าง สมองของเราก็จะเริ่มสร้างความสามารถนั้น และ ค่อยๆพัฒนาสมองส่วนนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการพัฒนา ไม่ได้จำกัด อยู่แค่เฉพาะเวลาเราทำ แต่จะพัฒนาต่อเนื่อง เวลาที่เราคิดถึงเรื่องนั้น หรือ แม้แต่ตอนที่เรานอนหลับด้วย
จากเรื่องของสมอง ก็ มาถึงเรื่องของกีฬาทั่วๆไป ซึ่ง จริงๆแล้ว ก็รวมไปถึงการฝึกขับรถด้วย คือการที่เราเก็บอะไรกับมาคิด พร้อมกับนึกภาพตาม ทำให้สมองของเราพัฒนาตามไปด้วย
วิธีการฝึก ก็คือ ให้เราพยายามคิดภาพ โดยละเอียด ของการทำอะไรบางอย่างที่เราต้องการฝึก คิดไปเรื่อยๆ วันละสิบนาที สิบห้านาที แล้วพอไปทำจริงๆ ทุกอย่างมันจะออกมาดีเอง
ตัวอย่างจริง ดูได้จากอาจารย์อั๋น ถ้าใครได้ไปแทรคเดย์ที่นครชัยศรีมาก็คงเห็น ผมว่า วันนั้นพี่อั๋นขับดีนะ ไม่ได้นั่ง แต่ดูอยู่ข้างนอกรถ ดีขึ้นกว่าเดิม และ ไม่ค่อยพลาดเลย ผมว่า ที่พี่อั๋นขับได้ดีทั้งๆที่ไม่ได้ไปซ้อมวิ่งสนามบ่อยๆ น่าจะเป็นเพราะทำการบ้านมาดีมากๆ ครั้งที่แล้วที่ไปนครชัยศรีกัน ตอนนั้นไปช่วยอาจารย์นิชิ สอน โดยที่ผม ถ่ายวีดีโอทั้งนิชิ พี่อั๋น และ ผมเอง ขับรถผม อัดใส่ดีวีดี
ตัวผมเอง ทำวีดีโอเสร็จ ดูไปก็น่าจะหลายรอบ อาจจะสี่ห้ารอบมั้ง รวมกับดูรายละเอียด แบ่งเซ็กเตอร์ต่างๆของแต่ละคน จนสรุปออกมา ว่าแต่ละจุด ใครเร็วกว่าใคร ทำสรุปออกมาเป็นไฟล์เอ็กเซล แจกแจงเหตุผล ว่าใครเร็วตรงไหน เพราะอะไร จบแล้ว ก็จบกันไป ส่งดีวีดีให้ผู้เกี่ยวข้อง หรือใครที่อยากได้ พร้อมกับไฟล์เอ็กเซลที่ทำสรุปเอาไว้ งานผมก็จบไป ไม่ได้กลับมาดูอีกแล้ว
ส่วนพี่อั๋น ได้ดีวีดีจากผมไป ดูแล้วดูอีก คิดแล้วคิดอีก ผมไม่รู้ว่ากี่รอบ แต่ผมว่าเยอะมากๆ คงต้องให้พี่อั๋นมาบอกเอง แต่ผมเดาว่า อาจจะห้าสิบรอบได้มั้ง ดูแล้วคิด ดูแล้วคิด
จะเห็นได้ว่า จุดประสงค์ของผม กับ พี่อั๋น ค่อนข้างต่างกัน ผมดูวีดีโอ เพื่อจะหาคำตอบ ว่า ตรงไหน ใครเร็ว เพราะว่าอะไร ส่วนพี่อั๋น เป็นการดูเพื่อพัฒนาจินตนาการในสมอง จริงๆแล้ว จะว่าผมไม่พัฒนาสมอง ก็ไม่เชิง แต่ผมจะพัฒนาในเชิงที่ว่า ดูในวีดีโอแล้วจะรู้ทันที ว่าเร็วเพราะอะไร ช้าเพราะอะไร ส่วนพี่อั๋น จะพัฒนาไปในเชิงของการขับมากกว่า
จริงๆผมก็รู้นะ ว่าควรจะดูวีดีโอมากกว่านี้ แต่ว่า กว่าจะทำข้อมูลเสร็จ มันก็เอียนแล้ว เลยไม่ได้ดูมากเท่าที่ควร
เรื่องของการใช้จินตนาการเข้ามาช่วยในการฝึก สามารถเอาไปประยุกต์ใช้ได้กับอะไรก็ได้ ยิ่งถ้าเราจินตนาการได้ละเอียดมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้ผลมากขึ้น
เช่น ถ้าเราตั้งใจจะฝึกเรื่องเบรค เราก็ลองจินตนาการถึงเสียงเครื่อง แรงจี น้ำหนักเท้า เสียงยาง ภาพที่ตาเราเห็น ฯลฯ
ผมเคยอ่านมา มีนักแข่งบางคน เวลาเลี้ยวในทางที่มองไม่เห็นเพราะมีกำแพงบัง ในขณะที่กำลังเลี้ยว เค้ามองเข้ากำแพงเลย ว่ากันว่า สมองเค้ากำลังจินตนาการถึงรูปแบบของโค้งทะลุกำแพงไป แล้วคำนวนว่าจะต้องขับยังไงให้ออกจากโค้งได้ดี
เรื่องของจินตนาการ มันมีความสำคัญมากกว่าที่ผมเคยคิด เรื่องนี้ ก็เอาไปใช้ได้กับอะไรหลายๆอย่างในชีวิตนะ ถ้าเราคิดถึงมันอย่างจริงๆจังๆ วันนึง มันอาจจะเป็นจริงขึ้นมาได้จริงๆ
ไอ้การขับรถแข่งเนี่ย ใครๆก็ทราบครับ ว่า จะเร็ว จะช้า อยู่ที่การฝึกซ้อม ยิ่งซ้อมเยอะ ยิ่งดี แต่ที่สำคัญคือ การฝึกซ้อมที่ถูกวิธี
เมื่อก่อนเราเคยอ่านเจอคำว่า practice makes perfect แต่สำหรับผม มันอาจจะไม่ใช่ครับ ผมยึดคำว่า
PRACTICE DOESN'T MAKE PERFECT, ONLY PERFECT PRACTICE MAKES PERFECT!!!
อย่างในกรณีที่ก้องพูดถึงคือ ผมได้ดูและทบทวนการขับจากดีวีดี ไม่ว่าจะเป็นที่อาจารย์มาซากิขับ หรือ ตัวผมขับ หรือก้องขับก็ตาม
ผมเอามาประมวลผล ดูว่า ใครพลาดตรงไหน พลาดเพราะอะไร แล้วทำยังไง ถึงจะแก้ไขสิ่งที่พลาดไม่ให้เกิดขึ้นอีก
จากที่ผมได้ดู อาจารย์มาซากิ แทบจะไม่พลาดเลย ส่วนที่ผมขับเอาไว้ พลาดเต็มๆหลายโค้ง จริงๆแล้วคือ แทบจะทุกๆโค้ง ที่ละนิดละหน่อย
ทำให้เวลาที่ผมทำได้ ห่างจากอาจารย์ 0.5 วิเต็มๆ! ไอ้0.5 วิเนี่ย ไม่ใช่ว่าฟังแล้วบอกว่า แหม นิดเดียวเอง ไม่ใช่นะครับ
การขับแบบจิมคาน่า หรือ time attack แบบนั้น จะ0.5 0.4 หรือ 0.001 ก็คือแพ้ครับ ไม่มีรอบให้เอาคืนแบบเซอร์กิต หรือการแข่งแบบอื่นๆ
เพราะฉะนั้น ผมต้องศึกษาอย่างละเอียด ว่า ทำไม รถคันเดียวกัน อาจารย์ขับ โดนมีผมนั่งไปด้วย(+75กิโล) ถึงทำได้เร็วกว่าผม ซึ่งไปคนเดียวถึง0.5 วิ
ผมถือว่า นั่นคือการบ้านของผมเลย แล้วการทำการบ้าน จริงๆแล้ว ที่ถูกต้องคือ ผมต้องไปซ้อมที่สนาม แต่โดยข้อเท็จจริงก็คือ ไม่ได้ไป แล้วจะทำยังไง?
วิธีที่ผมใช้ หลังจากประมวลความผิดพลาดของผมแล้ว ก็คือ การจินตนาการที่ก้องพูดถึงนี่หละ บ่อยครั้งหลังจากที่ผมดูจบ ผมก็มานั่งหลับตา นึกถึงภาพสนาม
นึกถึงเสียง นึกถึงแต่ละโค้งอย่างละเอียด ว่ามีอะไรบ้าง รวมไปถึง นึกถึงแรงจี แรงกระทำที่ถนน นึกเยอะไปหมด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มากสุด
แล้วผมก็นึกภาพว่ากำลังขับ จะแอทแทคแต่ละโค้งยังไง จากโค้งแรกไปโค้งต่อไป ผมต้องทำอะไรบ้าง อาการรถ อาการยางเป็นไงบ้าง
พูดง่ายๆว่า นอกเหนือไปจากดูแผ่นเยอะ ผมมานั่งจินตนาการไม่น้อยไปกว่าการดูครับ
แล้วถามต่ออีกหน่อย ว่า จินตนาการไปแล้วได้อะไร จะเหมือนไปซ้อมจริงๆรึเปล่า?
ต้องบอกว่า การจินตนาการ นอกจากทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนแล้ว ถ้าเราทำได้ดี ก็ไม่ต่างจากการที่ไปขับจริงๆมากนัก อันนี้ หลายๆท่านอาจจะงง
อาจจะไม่เข้าใจนะครับ ไว้ลองฝึกดู แล้วจะอ๋อแบบผม แต่สำหรับผม วิธีนี้ ดีที่สุด ในกรณีที่ไม่ได้ไปฝึกที่สนามจริง
กลับมาที่ วัน trackday หลังจากทั้งดูแผ่น ทั้งซ้อมในจินตนาการมานาน ผมก็ได้ลองเก็บรายละเอียดไอ้ที่พลาดๆไป
ผลลัพท์ คือ น่าพอใจมากกกกกกกกกกก เวลาที่ผมทำได้ แน่นอนว่าดีขึ้น แต่สิ่งที่ผมได้กลับมาคือ ผมแทบจะไม่พลาดเลย ทั้งๆที่ขับหลายคันแล้วแต่ละคัน อาการก็ไม่มีเหมือนกัน ไล่ไปตั้งแต่รถของชาย หน้าหมู STI 2.5 รถของเอิ๊ก EVO VII หน้าหมูขาวของทั่นประธาน และอีกหลายๆคันที่สอนไป
ไอ้การทำการบ้าน โดยการนึกภาพมาก่อน ทำให้ผมขับแต่ละคันได้เลย โดยไม่ต้องมาห่วงว่า โค้งไหนเป็นยังไงอีกต่อไปแค่ปรับตัวให้เข้ากับรถแต่ละคันเท่านั้นก็พอ