ควรครับ เพราะกล่องสั่งฉีดในเปอร์เซ็นเท่าเดิม แต่ขนาดมันใหญ่ขึ้นน้ำมันก็จะลงไปในกระบอกสูบมากขึ้น ปริมาณส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศเปลี่ยนไป คือ ปริมาณอากาศเท่าเดิมและองศาไฟจุดระเบิดเท่าเดิมแต่ปริมาณน้ำมันมากขึ้น(ยกตัวอย่างเช่น เปอร์เซ็น การไหลของน้ำมันเท่าเดิมแต่ขนาดของท่อส่งโตขึ้นดังนั้นในระยะเวลาเท่ากันท่อที่โตกว่าก็จะมีปริมาณน้ำมันเยอะกว่า ) ส่งผลให้การเผาไหม้ไม่เหมือนเดิม(ส่วนผสมน้ำมันกับอากาศไม่เหมือนเดิมแบบที่เค้าชอบเรียกกันว่า A/F มันเพี้ยน) ส่วนมากจะหน้าขึ้นทำให้กินน้ำมันขึ้น แต่ผมไม่ทราบวัตถุประสงค์ในการเปรียนหัวฉีดของเจ้าจองกระทู้ แต่ถ้าจะเปรียนเพื่อต้องการเพิ่มบูทมากขึ้นทำได้หรือป่าวทำได้แต่เสี่ยงมากเพราะเราไม่สามรถที่จะรู้ว่าจริงๆแล้ว ณ ตอนนั้นอัตราส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศเป็นอย่างไรจะหน้า หรือว่าบาง แล้วจุดไหนละที่จะทราบว่ามันเป็นจุดที่สมดุลที่สุดที่จะทำให้รถเราวิ่งดีไม่พัง
สรุปง่ายๆเลย เพื่อความสมบุณ์วิ่งดีไม่พัง และใช้ของที่มีอยู่ได้เต็มประสิทภาพ จูน เป้นที่ที่สุดแต่ไหนๆจะจูนแล้วจะทำไรเพิ่มก็ทำทีเดียวเลยครับ เช่น เปรียนโบ ท่อ เฮดเดอร์ กรองเปลือย อ๋อ อีกอย่างสำคัญมาก การจูนรถไม่ใช่การทำให้รถวิ่งดีขึ้นนะครับ แต่เป็นการเค้นประสิทธิภาพของที่เรามีอยุ่ให้แสดงออกมา เพราะฉะนั้นจะแรงขึ้นหรือไม่แรง จะพังหรือไม่พังก้ขึ้นอยุ่กับของที่เรามีและคุณภาพของของที่มีอยู่ ณ ตอนนั้น เช่นโบใกล้พัง ก็จะพังได้ เครื่องเริ่มหลวม ก็จะควันขาว ชาร์ปเริ่มกร่อน ก็จะละลายได้ ขึ้นอยู่กับ จุนเนอร์ว่าเค้าจะเค้นเครื่องเราแค่ไหน เค้นมากก็เสื่อมมาก เสื่อมมากก้จะพังเร็วขึ้น ก่อนจูนต้องคุยกับคนจูนให้เคลียก่อนทุกเรื่องนะครับจะได้ไม่มีปัญหากัน
อาจจะต้องขอโทษด้วยจะครับถ้าอ่านแล้วมันงงๆ เพราะผมเป็นคนสื่อสารในการเขียนกับคนอื่นเข้าใจยาก แต่ก็พยายามแหละครับ โชคดีนะครับ