จีเอ็มโล๊ะหุ้นซูบารุ โตโยต้าเสียบ
17 ต.ค.--ผู้จัดการออนไลน์
จีเอ็ม หรือเจนเนอรัล มอเตอร์ส ประกาศยอมตัดใจขายแบบขาดทุน ปล่อยหุ้นจำนวน 20% ที่ถือครองอยู่ในบริษัท ฟูจิเฮฟวี่ อินดัสตรี้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ซูบารุ โดยที่มีโตโยต้า มอเตอร์รับซื้อหุ้นที่ถูกขายออกมาไปเกือบครึ่ง ส่วนที่เหลือยังรอการเจรจากันอยู่ว่าทางฟูจิฯ จะซื้อกลับไปเอง หรือว่าจีเอ็มจะปล่อยขายในตลาดเปิด
ความสัมพันธ์ของจีเอ็ม และฟูจิ ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 1999 ก่อนที่บริษัทรถยนต์หมายเลข 1 ของโลกจะยอมควักเงินจำนวนสูงถึง 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (5,200 ล้านบาท) เข้าซื้อหุ้นจำนวน 20% แต่อย่างไรก็ตามกับความรีบร้อนที่จีเอ็มจำเป็นต้องปล่อยหุ้นจำนวนนี้ทำให้ขาดทุนเกือบครึ่ง เพราะมีการประเมินว่าราคาจะอยู่ที่ 735 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (29,400 ล้านบาท)
สำหรับหุ้น 8.7% ซึ่งมีจำนวน 68 ล้านหุ้น ทางโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชันได้รับเหมาไปแล้ว โดยซื้อที่ราคา 4.60 เหรียญสหรัฐฯ (184 บาท) ต่อหุ้น ซึ่งคิด เป็นเงิน 315 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 12,600 ล้านบาท ขณะที่จำนวนที่เหลือ 11.4% นั้น ทางจีเอ็มกำลังเจรจากับทางฟูจิฯ อยู่ว่าจะรับเหมาไปทั้งหมดหรือเปล่า ซึ่งถ้าไม่บรรลุผล คาดว่าจีเอ็มจะนำออกขายในตลาดเปิด
มีการเปิดเผยถึงการปล่อยหุ้นในครั้งนี้ก็คือ ปัญหาการขาดทุนสะสมที่จีเอ็มประสบมาตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีมีตัวเลขสูงถึง 1,390 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 55,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในเรื่องประกันสุขภาพของคนงานและเงินค่าเกษียณ รวมถึงค่าน้ำมันและวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ยอดจำหน่ายลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจีเอ็มยังต้องการงบประมาณเพื่อใช้ในการพัฒนาและการลงทุนในฐานการผลิตภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะในจีนซึ่งมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องประกาศขายหุ้นในครั้งนี้
นอกจากนั้น ยังมีการวิเคราะห์อีกว่า จากการที่จีเอ็มเข้าถือหุ้นในกิจการของแดวู ซึ่งกลายมาเป็นตัวละครที่มีบทบาทหลักในการรุกตลาดรถยนต์ราคาประหยัดที่จะใช้แข่งขันกับรถยนต์ญี่ปุ่นนั้น ถือเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำจีเอ็มต้องลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นซึ่งแต่เดิมจีเอ็มต้องการให้ซูบารุ หรือซูซูกิรับหน้าที่นี้
และตลอดระยะเวลาที่ถือหุ้นอยู่ใน ฟูจิฯ ถึงเกือบ 5 ปี ทั้ง 2 บริษัทแทบไม่ได้มีการแชร์เทคโนโลยีหรือร่วมมือในการพัฒนารถยนต์เลยจะมีก็ในกรณีของซาบที่ยืมเวอร์ชันแวกอนของอิมเพรซามาดัดแปลงและขายในสหรัฐอเมริกาด้วยชื่อ ซาบ 9-2เอ็กซ์
สำหรับอีก 2 บริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่จีเอ็มถือหุ้น คือ ซูซูกิ (20.2%) และอีซูซุ มอเตอร์ (8.4%) มีการเปิดเผยว่าไม่ได้รับผลกระทบกับการดำเนินงานในครั้งนี้ เพราะทั้ง 2 บริษัทมีความสัมพันธ์และร่วมมือกับจีเอ็มในการทำงานมาโดยตลอด เช่น ทางอีซูซุรับหน้าที่พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล รวมถึงการพัฒนาปิกอัพขนาดเล็ก อย่างเชฟโรเลต โคโรลาโดที่ใช้พื้นฐานเดียวกับอีซูซุ ดีแมคซ์ เพื่อส่งขายทั่วโลก ขณะที่กับซูซูกิก็มีการลงทุนร่วมกับจีเอ็มในการก่อสร้างสายการผลิตที่ประเทศแคนาดา