Siam Subaru Webboard
General Discussion => Siam Subaru Society Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Chaiyaporn ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2015, 09:05:24 am
-
นำ XV ไปเข้าศูนย์ตามระยะ 30000 KM ก่อนหน้านี้สองวันรถพบปัญหา2อย่างคือ
1 สตาทร์ยากก็เล่าให้ช่างที่ศูนย์ฟัง ช่างก็ไปเบิกอะไรมาชินหนึ่งเป็นยางชิ้นเล็กๆ และบอกว่าจะเปลียนยานชิ้นนี้ให้ฟรีเพราะเป็น service bulletin ปัญหาน่าาจะมาจาก การใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สโซฮอล์ที่การออกแบบยังไม่ครอบคลุม
2 แอร์เนื่องจากแอร์ที่ผมพบตอนนี้คือเนื่องจากระบบเอาอุณหภูมิด้านนอกมาเป็นตัวแปลร่วมในการรักษาอุณหภูมิภายในรถ กรณีที่ไม่ชอบความเย็นจึงตั้งไว้ประมาณ 27 องศาแต่พบว่าอุณหภูมิไม่คงที่ยิ่งวิ่งยาวมากๆอยู่ๆจะมีแต่ลมทั้งที่อุนหภูมิข้างนอกจะ30-32 ช่างบอกยังไม่เคยพบแต่เข้าใจว่าน้ำแข็งน่าจะเกาะที่วาวล์แอร์ต้องลองใช้ไปก่อนหรือและหากต้องตรวจสอบจริงๆต้องไปเข้าที่ เสรีไทยเพราะมีเครื่องมือที่เดียว
อึกเรื่องคือศูนย์บอกว่า ต่อไปนี้น้ำมันหล่อลื้นที่ลูกค้าหิ้วมาศูนย์จะไม่เปลียนให้เป็นนโยบายของผู้บริหาร mit (อีกแล้ว)โดยทีบางนาตอนนี้ใช้ motul 5w30 คิดที่ลิตรละ 500 บาท
:bbbear_19:
-
mo tul h-tec รึป่าวครับ 5w 30
-
mo tul h-tec รึป่าวครับ 5w 30
:bbbear_20:
ครับอันนั้นแหละ
-
ในคู่มือเค้าให้ใช้ 0w-20 นิครับ ทำไมศูนย์บริการเอา เบอร์ 30 มาให้ลูกค้าอ่า
-
ในคู่มือเค้าให้ใช้ 0w-20 นิครับ ทำไมศูนย์บริการเอา เบอร์ 30 มาให้ลูกค้าอ่า
เค้าบอกว่า ลค. เขามาบอกว่า เร่งไม่ขึ้น กับ น้ำมันเครื่องหาย เขาก้อเลยส่งกลับ ไม่เอามาขายอีก???
แต่ที่ลองกับตัวเองไม่ใช่เลย
********ถ้า 0 ไม่มี 0w20 ให้เปลี่ยน แล้วยังห้ามหิ้ว 0W20 เข้าไปเองอีก ทั้งๆที่คู่มือระบุมา ผมว่า 0 subaru น่าเกลียดเกินไปแล้วคับ***********
--เร่งไม่ขึ้น ถ้าน้ำมันเครื่องยี่ห้อดีพอ ไม่มีปัญหาคับ
--น้ำมันเครื่องหาย จริงคับ แต่ถ้าเป็นคนเชค ระดับน้ำมันเครื่องทุกอาทิต ไม่มีปัญหาคับ และที่ผมลองมา ถ้าจอดรถเปิดฝากระโปรงรถ ให้ระบายความร้อนไวๆ นมค.ไม่ค่อยลดคับ แปลว่า มันหายไปส่วนใหญ่ ตอนจอดอบเครื่องไว้ ไม่ได้หายไปมาก จากกการวิ่ง
-
เริ่มออกลายแล้วนะครับบ MIT นี่ถ้าไม่ติดประกันเครื่อง 5 ปีผมไม่เอาเข้าศูนย์หรอก
เอาเข้าไปบางทีกลับออกมามีอะไรให้แปลกใจอีกต่างหาก :bbbear_40:
-
เริ่มออกลายแล้วนะครับบ MIT นี่ถ้าไม่ติดประกันเครื่อง 5 ปีผมไม่เอาเข้าศูนย์หรอก
เหมือนกันครับถ้าไม่ติดที่ยังอยากคงประกันไว้คงเลิกเข้าเหมือนกันทำเองได้ตัวไหนสำคัญค่อยว่ากัน เหตุผลง่ายคือหากศุนย์ใช้น้ำมันหล่อลื่นภายใต้ตรา SUBARU คงยินดีที่จะบอกว่าพอมีเหตุมีผลแต่วันนี้ MIT ใช้น้ำมันตามท้องตลาดเห็นความต่างของราคาอยู่ที่แตกต่างกันพอสมควร ส่วนเรื่องค่าแรงก็เป็นออฟชั่นที่เสนอมาตอนซื้ออยู่แล้วว่าฟรีค่าแรง5ปี มาทำแบบนี้เสียความรู้สึก
ตัวรถดีปัญหาอยู่ที่การบริหารและการบริการของตัวแทนครับ
-
จริงหรอครับว่าจะออกXVไม่กล้าเลยผม
-
จริงหรอครับว่าจะออกXVไม่กล้าเลยผม
แต่รถยี่ห้อนี้ ของเขาดีคับ ช่างใจเอา คับ
ถ้าเป็นไปได้ ถ้าคนซื้อ พอมีความสามารถ
Service รถในระดับนึง จะดีมาก
ผมว่า subaru ไม่ใช่รถที่คนที่ไม่รุ้อะไร
เกีายวกับรถจะซื้อไปใช้น่ะคับ แบบหนูไม่รุ้อ่ะ
เอะอะเข้า0 สถานเดียว
-
Motul. นี่ผลิตและบรรจุจากที่ไหนครับ? ใช้แล้วโอเครึป่าวครับ?
-
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php?topic=38889.0
เห็นว่าเริ่มเปิดประเด็นเรื่องน้ำมันเครื่อง 0w-20 ผมเลยเอาลิ้งค์จากเว็บนี้มาให้อ่านกัน
มี user ชื่อ Jae เค้าพยายามหาข้อมูลมาสรุปให้ หลักฐานเค้าหนักแน่นดีครับ
ตอนแรกผมก็เป็นคนเชื่อเรื่องน้ำมันเครื่อง 0w-20 จนมาอ่านที่นี่เข้า
เชื่อว่าทาง MIT เองก็พยายามหาข้อมูลมาพอสมควร แต่ขาดการสื่อสารกับลูกค้าให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
ผมว่าอยากให้ทุกท่านลองเปิดใจดู ค่อยๆอ่าน ค่อยๆหาข้อมูลหลักฐานมาสนับสนุนเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับรถที่ทุกท่านรัก
สำหรับท่านที่ขี้เกียจอ่านผนขอสรุปสั้นๆละกันนะครับ "เบอร์ 20 บางไปสำหรับเมืองไทย" :bbbear_34:
-
Motul เวียดนามคับ แต่ไม่รุ้ว่าแค่บรรจุ หรือ ผลิตเลย?
ส่วนตัวแล้วมันก้อดี ตามราคาแหละคับ
ลิ้งที่แปะมะ user คนนี้ anti เบอร์20 มานานแล้วคับ
ส่วนใหญ่ที่ตอบเป็นความเห็นล้วนๆนะคับ
ผมเองก่อนหน้านี้ ผมก้อกังวลเรื่อง 0W20 กับเมืองไทย ไปหาอ่านที่ไหนก็ไม่เคลีย จนไปอ่านเจอในเวป
mobil1 usa...คือเค้าใช้รถแถวทะเลทราย arizona
อุหภูมิ ร้อน แกว่งสูง จะใช้ 0W20 ได้ไหม..mobil1
บอกระบายความร้อนด้วยน้ำ 0w20 fully synthetic
ทุกวันนี้ (2014) okใช้ได้ตามปกติเลย ไม่จัดเป็นข้อ
จำกัด
แต่ถ้าหากต้องtowing ลากจูง ของหนักๆ ประจำ
อาจจะชิพเบอร์หลังเป็นเบอร์ 30...ผมก้อบางอ้อ
จากตรงนี้แหละว่า
0w20 ถ้าสภาวะที่ stress+shear สูงๆ ที่กระบอกสูบ
นี่แหละ ที่มันจะไม่ไหว เรื่อง อุณหภูมิเมืองร้อนอะไรๆ
ไม่มีผล 0W20 เท่าไรหรอก หม้อน้ำถ้าดีอยู่ เมืองร้อน
เมืองหนาว อุณหภูมิ ห้องเผาไหม้น่าจะเท่ากัน? อย่าง
น้อยก้อกับเครื่อง NA /// ผมลองจินตนาการ เรื่องลาก
จูงหนักๆ มันต้องลากเกียมาต่ำมาก เท่าที่เคยลอง
มันคงเหมือนตอนขึ้นเขาชันๆ ผมเชคอุณหภูมิ หม้อน้ำ
รถตลอด ผ่าน obd2 ต่อมือถือ ช่วงลากขึ้นทางชัน
ความร้อนจากปกติ 88-90องศา ขึ้นไปแตะ 100 ใน
วิ แต่พอไม่ชัน อีก10 วิ ก้อลงมา90 เท่าเดิม
แต่วิ่งๆ รถติด เร่งแซงในเมือง หรือออก ตจว . คิกดาว
100-160 วิ่งแช่140+ อุณหภูมิ อยู่ที่90 ไม่เคยกระดิก
เลยคับ ผมยังคิด และยืนยันจากใช้จริงของผมว่า
0w20 ทุกวันนี้ดีพอที่จะใช้ในเมืองไทย ยกเว้นขึ้นเขา
อย่างน้อยๆก็ motul ล่ะ แล้วก้อน่าจะเหมาะกะรถที่
เครื่องยังใหม่ๆอยู่ ถ้าเก่าๆหน่อย น้ำมันเครื่องหายไว
เกินทนได้ ตอนนั้น ผมค่อย ชิพเบอร์ท้าย แหละคับ
คันก่อนหน้า คูมือระบุ 0-5w30 ผมก้อ0-5w30 fully
มาตลอดเกือบ 200000โล นมค.ก้อไม่เคยลดคับ
ไม่รู้เหมือนกันว่า ปกติ กี่km เครื่องถึงเริ่มหลวม :bbbear_16:
-
ผมใช้ Motul 0W-20 มาถึง 90,000 Km ยังไม่เจอปัญหาที่กังวลกันนะครับ
-
อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นไม่แกว่งเยอะไม่แปลกคับ เพราะมันร้อนน้อยมาก ถ้าเทียบกับอุณหภูมิในเครื่องยนต์ที่ต่างกันค่อนข้างมาก
อธิบายง่ายๆ สังเกตุเห็นว่ายิ่งมี OBD2 แล้วงั้นลองเช็กได้เลยครับ :bbbear_25:
มันจะมีส่วนที่ใช้วัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ด้วย หรือไม่ก็ตรงส่วน cat ที่ร้อนใกล้เคียงกับห้องเผาไหม้จริง
จริงๆลิ้งค์นั้นเค้าก็เน้นแล้ว อาจยังไม่เห็นไม่เป็นไรครับ เพราะผมเคยลองเหมือนกัน
คือหลังจากติดเครื่องยนต์มันร้อนประมาณเกือบๆ 200 องศาเซลเซียสอยู่แล้ว
แค่ผมกดคันเร่งไปนิดเดียวมันโดดไปสามร้อยกว่าๆเลย
และยิ่งผมแช่บนทางด่วนนิ่งๆ มันก็ไปถึง 600 องศาเซลเซียสได้สบายมาก นี่ขนาดผมไม่ได้อัดแรงเลยนะครับ :bbbear_32:
ในนั้นค้าอาจพูดแรงอยู่บ้าง อันนี้ผมเข้าใจครับ แต่เหตุผลเค้าทำให้เข้าใจง่ายดีครับ
อันนี้เป็นอีกลิ้งค์นึงครับว่าทดลองยังไง
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php?action=printpage;topic=32901.0
-
อุณหภูมิ หน้า cat ตัวแรก ไงๆก้อเกิน 500 องศาคับ
คันเก่าผมก้อเกินคับ แต่ถ้าคิดว่าอุณหภูมิกระบอกสูบคือ 500-600 จิงๆ น้ำมันตัวไหนก้อทนไม่ได้คับ
เกิน flash point ของน้ำมันเครื่องทุกตัวไปแล้ว(แถวๆ200)
ดังนั้นอณหภูมิจิงๆ ตรงข้างกระบอกสูบ ที่เป็นประเด็น
ไม่มีใครรู้จริงๆหรอกคับ ว่าควรใช้เท่าไรเป็นมาตราฐานในการชี้วัด
หรือเอามาออกแบบการทดลองที่อ้างได้ว่าแทนสถานะการใช้งานจิงๆได้
-
ดังนั้นอณหภูมิจิงๆ ตรงข้างกระบอกสูบ ที่เป็นประเด็น
ไม่มีใครรู้จริงๆหรอกคับ ว่าควรใช้เท่าไรเป็นมาตราฐานในการชี้วัด
หรือเอามาออกแบบการทดลองที่อ้างได้ว่าแทนสถานะการใช้งานจิงๆได้
https://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=1&ved=0CCEQFjAA&url=http%3A%2F%2Fw3.wtb.tue.nl%2Ffileadmin%2Fwtb%2Fct-pdfs%2FMaster_Theses%2Fjohan_kortendijk_2005_reduced.pdf&ei=xtrmVPX1FoKuuQSfyoGwCw&usg=AFQjCNFPNIndU9ro4nMwjKQzQ2H7xbcAYQ&sig2=ELen69TixvVWC4utq3H-2Q&cad=rja
เอาแบบละเอียดละกันนะครับผม ตามสารบัญหน้าที่ 6 เลยครับ
-
โทษทีคับ คนไข้มาหาพอดี55
ผมไม่ได้หมายความว่า 0w20 ปกป้องดีกว่าตัวท้าย 30 นะคับ
ที่สรุปว่าเมืองร้อนอย่างเมืองไทย ไม่เหมาะกับ 0W20 นี่เกินไปหน่อย
อะไรที่ทำให้คิดว่าเครื่องยนต์ ประเทศที่เย็นกว่าเราแค่10องศา เหมาะกับ 0w20ได้..???
เค้าใช้ 0W20ได้เราก้อต้องใช้ได้...
ในเมื่อเครื่องยนต์ทุกวันนี้ทำวานเป็นระบบปิด?
คุมอุณหภูมิทำงาน ให้พอๆกันอยู่แล้ว ???
ผมไม่เถียงหรอกคับ ว่าตัวหลังเบอสูงๆ ปกป้องดีกว่า
แต่ถ้าเครื่องยนตัวนั้น แนะนำมาว่าให้ใส่ 0W20 มาจาก
โรงงาน แล้วส่งไปขายทั่วโลก?ท
....ผมหาเหตุผลที่จะใส่ เบอร์หลัง30 ไม่ได้เลย
ในเมื่อ เบอร์หลัง20 มันก้อเพียงพอต่อการใช้งาน
-
ผมว่าอยู่ที่ลักษณะการใช้งาน และนิสัยการขับของแต่ละคนนะครับ บางคนขับกดๆยกๆในเมืองรถติดๆ บางคนซัดทุกที่ที่มีทาง บางคนแช่ยาวๆออก ตจว. ลักษณะการใช้งานต่างกัน น้ำมันก็ควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งานครับ :bbbear_34:
-
https://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=1&ved=0CCEQFjAA&url=http%3A%2F%2Fw3.wtb.tue.nl%2Ffileadmin%2Fwtb%2Fct-pdfs%2FMaster_Theses%2Fjohan_kortendijk_2005_reduced.pdf&ei=xtrmVPX1FoKuuQSfyoGwCw&usg=AFQjCNFPNIndU9ro4nMwjKQzQ2H7xbcAYQ&sig2=ELen69TixvVWC4utq3H-2Q&cad=rja
เอาแบบละเอียดละกันนะครับผม ตามสารบัญหน้าที่ 6 เลยครับ
อ่านหมดแล้วนะคับ ถ้าหมายถึงบทที่6 ค่าที่ได้ยังไม่ใช่ค่าจริงนะคับ เป็นแค่ค่าแบบ relative ผ่านการคำนวนมาเท่านั้นเอง ตอนผมทำ thesis ทั้งโท กะ เอก ถ้าเอาค่านี้เป็นค่าหลักมีโอกาสจะไม่ได่ตีพิมพ์เลยล่ะคับ แถมเป็นค่า ของแหวนลูกสูบ ไม่ใช่ค่าอุณหภูมิของน้ำมันเครื่อง ในช่องว่างระหว่างลูกสูบกับเสื้อสูบ ที่เป็นจุดสนใจ
ถ้าในทางการแพทย์ หรืองานที่จริงจัง จะไม่ค่อยใช้ค่าแบบนี้คับ ใช้แค่ดูคร่าวๆ แล้ว confirm ด้วยค่าจากการวัดที่จุดนั้นจิงๆมากกว่า อย่างทำ FEA ดูการกรจายแรง
ของพวก เบ้าอวัยวะเทียม คอมฯ คำนวนได้อย่าง สร้าง
ตัวทดลองเหมือนสภาวะใช้งานจริงๆ มันได้อีกอย่าง ปัจจัยมันเยอะคับ คนเขียนโปรแกรม กะคอมฯ คุมได้ไม่หมด..ข้อจำกัดของ sensor ที่ใช้วัดในบทที่4ก้อบอกไว้คับ....ที่เราต้องการจิงๆ คืออณหภูมิน้ำมันจิงๆ ในช่องว่างแคบๆ....แต่เราไม่มี sensor วัดอุณหภมิใดๆ ที่เล้กแบนแคบและทนทานสูง ที่จะเอาไปใช้ในช่องว่างนั่นได้วัดมาแบบ real time...เพราะอย่างนี้ผมถึงบอกว่า..ไม่มีใครรู้จิงๆว่า อณหภูมิ หรือพฤติกรรมของเหลวตรงนั้นเป็นยังไง?
แต่ถ้าเราเชื่อบทที่หกและสมมุติคิดว่า อุณหภูมิแหวนลูกสูบเท่ากับน้ำมันที่อยุ่ตรงนั้น ก้อแปลว่ามันไม่เกินแถวๆ 130องศา ที่6000rpm เองนะคับ ....
...แล้วที่3000 หรือ 1000 rpm มันควรจะร้อนน้อย
กว่านี้ไหม? มันก้อไม่ได้มากมายอะไรจนเกินกว่าที่
น้ำมันเครื่องทุกวันนี้จะทนได่เลยนะคับ
-
ผมว่าอยู่ที่ลักษณะการใช้งาน และนิสัยการขับของแต่ละคนนะครับ บางคนขับกดๆยกๆในเมืองรถติดๆ บางคนซัดทุกที่ที่มีทาง บางคนแช่ยาวๆออก ตจว. ลักษณะการใช้งานต่างกัน น้ำมันก็ควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งานครับ :bbbear_34:
เห็นด้วย100% คับ อิอิ
-
ต้องขอโทษจริงๆครับที่หายไปนาน อาจารย์เร่งให้ผมทำรายงาน
จริงบทที่ 6 เป็นเกี่ยวกับการกระจายความร้อนในตัวแหวนตามระยะทาง
ขอมูลจริงที่ๆที่ผมชี้เป็นภาพสี "หน้าที่" 6 ที่ร้อนตั้งแต่ 140 ถึง 350 องศาแซลเซียสที่เป็นส่วนสัมผัสกับตัวน้ำมันเครื่องโดยตรงที่ต้องทำ safety factor ให้ครอบคลุม แต่ก็กระจายไปตามปริมาณน้ำมันเครื่องอีกที
เพราะฉะนั้นค่าความร้อนที่ เกือบๆ 150 องศาของน้ำมันเครื่องโดยทั่วไปนั้นเป็นอุณหภูมิเฉลี่ยครับ
อ้อผมมาสังเกตุอีกที่เป็นเครื่อง 12 ลิตรเลยไม่แน่ใจว่าถ้าเครื่องเล็กกว่านี้อุณหภูมิจะเป็นอย่างไร
แต่อย่างน้อยก็มีหลายจุดที่อาจต้องศึกษาเพิ่มต่อไป ต้องขอบคุณ leenawat_sri ที่แนะนำข้อโต้แย้งครับผม :bbbear_19:
ส่วนเรื่องคู่มือศูนย์ที่ผมอาจยังไม่เชื่อในทันทีเนื่องจากว่าเคยมีเคสของ BMW ที่ช่างศูนย์บอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตลอดอายุการใช้งานตามมาตรฐานที่เค้ากำหนดมาให้
แต่หลายรายพอหมดประกันศูนย์พบว่าเกียร์มีปัญหา
ผมจึงคาดว่าเบอร์นี้มีเพื่อให้ค่าการประหยัดน้ำมันตรงตามข้อกำหนดต่างๆของการออกแบบรถในสมัยนี้ และเพียงพอสำหรับการรับประกัน 100000 กิโลเมตรที่ศูนย์รถยนต์ต้องรับผิดชอบ
จึงเป็นที่มาของการตั้งสมมติฐานนี้ครับ
-
:bbbear_26: สมาชิกใหม่มาหาความรู้ครับ :bbbear_16: