ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 90.42 จุด  (อ่าน 332 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ dsmol19

  • *
  • กระทู้: 1,214
  • Popular Vote : 0
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 90.42 จุดทำนิวไฮ มั่นใจโอมิครอนไม่กระทบศก.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์และ S&P500 ต่างก็ปิดทำนิวไฮ ขานรับความเชื่อมั่นที่ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดลบเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี


ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,488.63 จุด เพิ่มขึ้น 90.42 จุด หรือ +0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,793.06 จุด เพิ่มขึ้น 6.71 จุด หรือ +0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,766.22 จุด ลดลง 15.51 จุด หรือ -0.10%

เจย์ แฮทฟิลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Infrastructure Capital Management กล่าวว่า ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกติดต่อกันหลายวัน เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน หลังผลวิจัยจากหลายสถาบันระบุว่า แม้ไวรัสโอมิครอนแพร่ระบาดได้ง่าย แต่ความเสี่ยงที่ผู้ติดเชื้อโอมิครอนจะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมีน้อยกว่าผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา

ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวได้สนับสนุนคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ที่ให้ลดระยะเวลาในการกักตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ เหลือเพียง 5 วัน จากเดิม 10 วัน โดยนายแพทย์เฟาชีระบุว่า การลดระยะเวลากักตัวเหลือเพียงครึ่งหนึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถกลับไปทำงานได้เร็วขึ้น

หุ้นไบโอเจน ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 9.46% หลังจากหนังสือพิมพ์เดอะ โคเรีย อิโคโนมิก เดลี่รายงานว่า บริษัทซัมซุงกรุ๊ป กำลังเจรจาซื้อกิจการไบโอเจนในวงเงินกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นวอลกรีนส์ บู้ทส์ อัลลิอันซ์ ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านขายยาขนาดใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.59% ขณะที่หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 1.42% และหุ้นโฮม ดีโปท์ ดีดตัวขึ้น 1.11% หลังจากทั้งสามบริษัทเปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงวันหยุด

หุ้นแอปเปิล ขยับขึ้น 0.05% หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า แอปเปิลได้แจกโบนัสเป็นหุ้นของบริษัทให้กับวิศวกรระดับแนวหน้า เพื่อหวังดึงตัวไว้ไม่ให้ย้ายไปทำงานกับบริษัทเมตาของนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก โดยแอปเปิลและเมตาต่างก็แข่งขันกันในด้านอุปกรณ์สวมใส่สำหรับการใช้งานเทคโนโลยี AR และ VR อาทิ เฮดเซต และสมาร์ทวอทช์

อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ดิ่งลง 3.19% หุ้น NVIDIA ร่วงลง 1.06% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ร่วงลง 0.95% หุ้นเทสลา ลดลง 0.21%

ส่วนหุ้นกลุ่มสายการบินดิ่งลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก อันเนื่องมาจากสภาพอากาศแปรปรวนและยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ หุ้นเดลตา แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.21% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 1.86% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.64% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.21%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐพุ่งขึ้น 17.5% สู่ระดับ 9.78 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 8.32 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ขณะที่ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น 4.7% และยอดการส่งออกลดลง 2.1% ในเดือนพ.ย.