ผู้เขียน หัวข้อ: SCBS ให้เป้าดัชนีปี 65 ที่ 1,660 พาณิชย์-สื่อสาร-ประกัน-ยานยนต์-แบงก์โดดเด่น  (อ่าน 430 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Shopd2

  • *
  • กระทู้: 1,209
  • Popular Vote : 0


นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) มองเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยปี 65 ที่ 1,660 จุด ให้กรอบการเคลื่อนไหว 1,550-1,750 จุด ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนคาดว่าจะเติบโต 6% ได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจเติบโต พร้อมประเมินผลตอบแทนของ SET Index ได้ที่ 5% ภายในสิ้นปีนี้ และ 8% เมื่อรวมเงินปันผล

อย่างไรก็ตาม หากมองในกรณีเลวร้ายหากไม่สามารถควบคุมการแพร่ะบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้อาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลง และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโตใกล้ 0%

SCBS ระบุว่าขณะนี้ความกังวลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนลดลง แม้ว่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศเพิ่มขึ้น แต่อาการและระยะเวลาการรักษาไม่นานนัก จึงเชื่อว่าประเทศไทยจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และเศรษฐกิจจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้

อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ในระดับ 3.6% แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนระบาดรุนแรง และจำเป็นต้องใช้มาตรการปิดเมือง (Lockdown) อาจจะกระทบให้ภาพรวม GDP เติบโตเพียง 2.6% ขณะที่มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะมาจากภาคการลงทุนเป็นหลัก เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปมากแล้ว และคาดว่าการส่งออกจะเติบโต 2% ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยราว 8 ล้านคน

SCBS ยังคาดการณ์ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกในปี 65 จะกลับมาเป็นปกติมากขึ้น อัตราเงินเฟ้อของโลกจะลดลงในครึ่งปีหลัง นโยบายการเงินโลกจะตึงตัวขึ้นเพื่อกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ยกเว้น จีน ที่ยังคงมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อสร้างสมดุลเศรษฐกิจ ขณะที่สงครามเย็นระหว่างสหรัฐกับจีนจะทวีความรุนแรงขึ้น ในขณะเดียวกันยังคงต้องติดตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนของตลาดการเงินโลก ความเสี่ยง Global Stagflation ความผันผวนด้านภูมิอากาศโลก และ การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่อาจรุนแรงกว่าสายพันธุ์เดลต้า

อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (DM) คาดว่าจะชะลอตัว โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า GDP จะเติบโต 4.5% และอัตราการขยายตัวของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM) จะฟื้นตัวในครึ่งปีหลังปี 65 โดย IMF ประเมินว่า GDP จะเติบโต 5.1% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเปิดประเทศได้มากขึ้น หลังจากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนมากขึ้นซึ่งจะส่งผลธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและบริการฟื้นตัวขึ้น คาดว่าจะช่วยชดเชยการลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกระตุ้นการบริโภคได้บ้าง อย่างไรก็ตาม การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ถือว่าเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้การคาดการณ์เศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาด

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่โดดเด่นในปี 65 มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเทรนด์โลกสนับสนุน คือ กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มสื่อสาร กลุ่มประกัน กลุ่มยานยนต์ และกลุ่มธนาคาร

กลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นเติบโตที่ราคาสมเหตุสมผล โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) หุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตได้ดีตามวัฏจักรเศรษฐกิจและการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ได้แก่ KBANK, AMATA, ZEN, LH และ GULF และ 2) หุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG