ผู้เขียน หัวข้อ: ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าผันผวน นักลงทุนจับตาประชุม ECB วันนี้  (อ่าน 381 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Ailie662

  • *
  • กระทู้: 817
  • Popular Vote : 0


ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวน โดยส่วนหนึ่งได้ปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพุธ รับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทอัลฟาเบท ขณะเดียวกัน ตลาดยังจับตาผลการประชุมนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ เพื่อหาทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงกังวลสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในหลายพื่นที่ รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมา

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,227.94 จุด ลดลง 305.66 จุด หรือ -1.11%

ตลาดหุ้นจีนปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.-4 ก.พ. ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1-3 ก.พ.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในการประชุมวันนี้ แม้ว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวเหนือเป้าหมาย 2% ของ ECB

ทั้งนี้ คาดว่า ECB จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยจะคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า ECB ไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 โดยระบุว่า "แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นในขณะนี้ แต่มีแนวโน้มปรับตัวลงในระยะกลาง" ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อจากการขยายตัวของค่าจ้างยังคงอยู่ในระดับต่ำ

นักลงทุนยังคงกังวลสถานการณ์ไวรัสโอมิครอนในภูมิภาค โดยล่าสุดนั้น ญี่ปุ่นรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันเดียวทะลุระดับ 90,000 รายเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) ขณะที่กรุงโตเกียวพบผู้ติดเชื้อทะลุ 20,000 รายเป็นครั้งแรกเช่นกัน

ทางด้านนายมาซาซูมิ วากาตาเบะ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุในวันนี้ว่า ยังคงเร็วเกินไปที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้กลับคืนเป็นปกติในขณะนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นเพิ่งฟื้นตัวจากความเสียหายของการระบาดของโรคโควิด-19 เท่านั้น

นายวากาตาเบะระบุว่า เงินเฟ้อผู้บริโภคอาจปรับตัวขึ้นสู่ประมาณ 1% ในช่วงหลายเดือนข้างหน้าและอาจปรับขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ เนื่องจากบริษัทจำนวนมากเริ่มปรับขึ้นราคาสินค้าทำให้ภาคครัวเรือนต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี นายวากาตาเบะกล่าวว่า BOJ ต้องคงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่เอาไว้ดังเดิม เพราะการคาดการณ์เงินเฟ้อยังไม่ปรับขึ้นสู่เป้าหมาย 2% ของ BOJ