ผู้เขียน หัวข้อ: ZIGA ทรานส์ฟอร์มสู่ FinTech-ดิจิทัลเต็มตัวเล็งออก Token-พัฒนาเกม-รุก NFT  (อ่าน 364 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Naprapats

  • *
  • กระทู้: 931
  • Popular Vote : 0
ZIGA ทรานส์ฟอร์มสู่ FinTech-ดิจิทัลเต็มตัวเล็งออก Token-พัฒนาเกม-รุก NFT

นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจด้านเทคโนโลยีและสินทรัพย์ดิจิทัลให้มากกว่าธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กที่ปัจจุบันเป็นธุรกิจหลักที่มีสัดส่วนรายได้มากกว่า 90%

ล่าสุด ZIGA จับมือร่วมทุนกับพันธมิตร เพื่อจัดตั้งบริษัทย่อย 2 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท เมอร์ลินตั้น อินโนเวชั่น จำกัด เพื่อการลงทุนและพัฒนาธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับ Digital Technology เพื่อพัฒนาต่อยอดธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซี ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ZIGA ถือหุ้น 89.98% และ บริษัท วิสเดน กรุ๊ป จำกัด เพื่อลงทุนธุรกิจบริการทางการเงินด้วยเทคโนโลยี (FinTech) ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ZIGA ถือหุ้น 69.99%

"การร่วมมือกับพันธมิตรในครั้งนี้ เป็นการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่การเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ และยังเป็นการเติมเต็มธุรกิจเหล็ก และธุรกิจโครงสร้างโรงเรือนกัญชง-กัญชา สนับสนุนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ต่อเนื่อง"นายศุภกิจ กล่าว
เมื่อปลายปี 64 บริษัทเริ่มเข้าสู่ธุรกิจเหมืองบิทคอยน์ด้วยทุนราว 100 ล้านบาทติดตั้งเครื่องขุดบิทคอยน์ 200 เครื่อง จากนั้นต้นปี 65 นี้จะเพิ่มจำนวนอีก 200 เครื่องในเดือน มี.ค.นี้ ด้วยงบลงทุนอีก 100 ล้านบาท ภายใต้โครงการลงทุนเฟสแรกไม่เกิน 1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทมองว่ามีโอกาสที่จะสามารถติดตั้งเครื่องขุดคริปโทฯ ได้มากกว่า 10,000 เครื่อง แต่คงต้องขึ้นกับกรอบของวงเงินที่จะสามารถระดมทุนได้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นบริษัทได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นกำหนดกรอบวงเงินการออกหุ้นกู้ไว้แล้วกว่า 4,000 ล้านบาท

สำหรับเหรียญคริปโทฯ ที่ขุดนั้นไม่ได้เป็นการขุดออกมาเพื่อจำหน่าย แต่จะนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากยิ่งขึ้น ถือเป็นการป้องกันความเสี่ยงของการขึ้นลงด้านราคาเหรียญฯ และไม่มีนโยบายในการซื้อเหรียญบิทคอยน์มาขายเก็งกำไร นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมแผนงานเพื่อออกเหรียญดิจิทัล (Digital Token) และผลิตเกมที่จะนำ Digital Token ไปสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมไปถึงการสร้างและออกเหรียญ NFT คาดว่าจะทยอยเห็นความชัดเจนภายในช่วงไตรมาส 2/65 สำหรับภาพรวมรายได้ในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 15-30% โดยยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลักเดิม ซึ่งความต้องการท่อร้อยสายไฟยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากโครงการขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ โรงพยาบาล และโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทยังได้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือท่อประปาที่คาดว่าจะเข้ามารองรับความต้องการจากลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีมากขึ้น