ผู้เขียน หัวข้อ: ไทยใช้สิทธิ FTA ปี 64 พุ่ง 31% ส่งออก 7.6 หมื่นล้านเหรียญ สูงสุดรอบ 6 ปี  (อ่าน 390 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ luktan1479

  • *
  • กระทู้: 1,132
  • Popular Vote : 0
ไทยใช้สิทธิ FTA ปี 64 พุ่ง 31% ส่งออก 7.6 หมื่นล้านเหรียญ สูงสุดรอบ 6 ปี

นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในปี 2564 มีมูลค่ารวม 76,312.79 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 31.40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีสัดส่วนการใช้สิทธิฯ สูงถึง 78.17%

"การใช้สิทธิฯ FTA ในปี 2564 ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ ที่ 76,312.79 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือว่ามีมูลค่าสูงสุด เมื่อเทียบกับช่วง 6 ปีที่ผ่านมา" นายพิทักษ์ กล่าว
โดยเป็นการใช้สิทธิฯ เพิ่มขึ้นสูงในทุกตลาด ดังนี้ 1) อาเซียน ขยายตัว 35.91 2) ออสเตรเลีย ขยายตัว 21.28% 3) ชิลี ขยายตัว 72.66% 4) จีน ขยายตัว 33.61% 5) อินเดีย ขยายตัว 48.17% 6) ญี่ปุ่น ขยายตัว 8.46% 7) เกาหลีใต้ ขยายตัว 38.30% 8) นิวซีแลนด์ (ใช้สิทธิฯ ภายใต้ความตกลงอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) ขยายตัว 49.26% และ 9) เปรู ขยายตัว 143.17%

สินค้าสำคัญที่พบว่ามีมูลค่าการส่งออกสูง และมีการส่งออกเพิ่มขึ้นในหลายตลาดในปี 2564 อาทิ ยานยนต์ (ขยายตัวในตลาดอาเซียน จีน ออสเตรเลีย ชิลี เปรู) ผลไม้สด (ขยายตัวในตลาดอาเซียน จีน เกาหลีใต้) อาหารแช่แข็ง/อาหารปรุงแต่ง (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น เปรู เกาหลี นิวซีแลนด์) เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ชิลี) ตู้เย็น (เกาหลีใต้ อินเดีย อาเซียน ชิลี) เครื่องปรับอากาศ (อาเซียน เกาหลีใต้ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย) เป็นต้น

โดยตลาดที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ FTA สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

อันดับ 1 อาเซียน (มูลค่า 26,280.12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) มีตลาดส่งออกสำคัญคือ เวียดนาม (มูลค่า 7,634.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) อินโดนีเซีย (มูลค่า 5,829.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) มาเลเซีย (มูลค่า 4,974.57 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และฟิลิปปินส์ (มูลค่า 4,530.28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิฯ อาทิ ยานยนต์สำหรับขนส่งของที่น้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน 5 ตัน รถยนต์สำหรับขนส่งบุคคล น้ำมันปิโตรเลียมและน้ำมันจากแร่บิทูมินัส เครื่องปรับอากาศ ผลไม้สด ฝรั่ง มะม่วง มังคุดสดหรือแห้ง เป็นต้น

อันดับ 2 จีน (มูลค่า 25,327.26 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิฯ อาทิ ทุเรียนสด มันสำปะหลัง ฝรั่ง มะม่วง มังคุด รถยนต์และยานยนต์ขนส่งบุคคล ผลไม้สด เช่น ลำไย ลิ้นจี่ เงาะ ลางสาด มะพร้าวทั้งกะลา เป็นต้น

อันดับ 3 ออสเตรเลีย (มูลค่า 8,474.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิฯ อาทิ รถยนต์ขนส่งของน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุก ไม่เกิน 5 ตัน รถยนต์ขนส่งบุคคล เครื่องปรับอากาศติดผนังและส่วนประกอบ เครื่องเพชรพลอยหรือรูปพรรณทำหรือชุบด้วยเงิน เป็นต้น

อันดับ 4 ญี่ปุ่น (มูลค่า 7,045.02 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิฯ อาทิ เนื้อไก่และส่วนอื่นของไก่แช่เย็น กุ้งปรุงแต่ง ปลาปรุงแต่ง ลวดและเคเบิลทำด้วยทองแดง เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณทำด้วยโลหะมีค่า เป็นต้น

อันดับ 5 อินเดีย (มูลค่า 4,899.95 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) สินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิฯ อาทิ ลวดทองแดง โพลิ (ไวนิลคลอไรด์) โทลูอีน ตู้เย็น ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ อาหารสุนัขหรือแมว เป็นต้น

ทั้งนี้ การใช้สิทธิฯ FTA ในปี 2564 ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ ที่ 76,312.79 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถือว่ามีมูลค่าสูงสุด เมื่อเทียบกับช่วง 6 ปีที่ผ่านมา

โดยในภาพรวมช่วง 6 ปีย้อนหลัง (58-63) มีมูลค่าใช้สิทธิฯ ตามลำดับ ดังนี้ ปี 58 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 50,494 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, ปี 59 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 52,413 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, ปี 60 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 60,342 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, ปี 61 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 69,602 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, ปี 62 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 65,560 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และปี 63 มีมูลค่าการใช้สิทธิฯ 58,077 ล้านเหรียญสหรัฐฯ