ผู้เขียน หัวข้อ: Elon Musk ท้าต่อย Vladimir Putin จนเกิดเรื่อง  (อ่าน 462 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ hs8jai

  • *
  • กระทู้: 769
  • Popular Vote : 0
Elon Musk ท้าต่อย Vladimir Putin จนเกิดเรื่อง
« เมื่อ: มีนาคม 21, 2022, 01:23:28 am »
Elon Musk ท้าต่อย Vladimir Putin จนเกิดเรื่อง

ถ้าพูดถึงในโลกคริปโทฯ แล้วคงไม่มีใครไม่รู้จัก Elon Musk ที่ tweet อะไรก็ดูเหมือนจะเป็นการปั่นราคาเหรียญไปเสียหมด ล่าสุด Elon Musk ยัง tweet เป็นภาษารัสเซียท้าตีท้าต่อยกับประธานาธิบดีวลาดีเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ถ้าใครชนะเอายูเครนไปเลยจนเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต

ทุกคนลองคิดดูว่า Elon Musk อายุ 50 ปี สูง 188 เซนติเมตร น้ำหนัก 82 กิโลกรัม ต้องบอกว่เป็นคนหุ่นดีคนนึง ขณะที่ปูติน อายุ 64 ปี สูง 168 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม งานนี้ก็มีคนไปโพสต์คอมเม้นท์ค่อนข้างมาก อย่าง CZ, CEO ของ Binance ก็ได้มา tweet ตอบโต้ Elon Musk เป็นเชิงขำขันว่า ใจจริงก็อยากให้ Elon Musk ชนะเหมือนกัน แต่ว่าไม่เคยเห็นคลิปคุณเล่นกังฟูเลยนะ

และสถานการณ์ตอนนี้ก็เริ่มบานปลายแล้ว เนื่องจากมีผู้นำของ Chechen Republic ซึ่งเป็นรัฐหนึ่งของรัสเซีย และยังเป็น 1 ในคนสนิทของปูติได้ส่งข้อความถึง Elon Musk หลังจากนั้นก็มีการตอบโต้กันมาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการบอกให้ Elon Musk ไปเปลี่ยนชื่อเป็น Elona ซึ่งทาง Elon Musk ก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อใน twitter จริง ๆ แถมยังตอบโต้กลับไปอีกด้วยว่าพร้อมต่อยกับปูติน ด้วยแขนซ้ายเพียงข้างเดียว ทั้งที่ผมไม่ได้ถนัดซ้าย

เหตุการณ์นี้จะจบอย่างไรต้องรอติดตามกันต่อไป

*บิทคอยน์แกว่งตัว 30,000-50,000 ดอลลาร์ ขณะที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

จากสถานการณ์ของรัสเซีย-ยูเครนในช่วงนี้ แน่นอนว่านักลงทุนสายคริปโทฯ อย่างเรา ๆ ก็จับจ้องกับราคาบิทคอยน์ว่าจะมีทิศทางอย่างไร ล่าสุด ไมเคิล โนโวแกรทซ์ นักลงทุนมหาเศรษฐีสายคริปโทฯ ซึ่งเป็นผู้บริหารของ บริษัท กาแลกซี ดิจิทัล โฮลดิ้งส์ (Galaxy Digital Holdings) ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของบลูมเบิร์กว่าราคาบิทคอยน์ปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั่นเอง

ทั้งนี้ ไมเคิล ระบุว่า ราคาบิทคอยน์จะขยับตัวอยู่ที่ 30,000-50,000 ดอลลาร์ สาเหตุในการขยับของราคาครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ทำให้เฟดตัดสินใจเสริมสภาพคล่องในตลาดด้วยการคงนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย แต่ขณะนี้ทางเฟดก็เริ่มส่งสัญญาณว่าจะเริ่มคุมเข้มนโยบายทางการเงิน ซึ่งก็ทำให้นักลงทุนต้องประเมินความเสี่ยงอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ จากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงความต่อเนื่อง ทางฝั่งยูเครนเองก็มีการเปิดรับบริจาคด้วยคริปโทฯ ทางฝั่งรัสเซียเองก็ใช้คริปโทฯ เป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากนานาประเทศ แล้วราคาของบิทคอยน์จะเป็นอย่างไร จะขยับตัวในกรอบแคบ ๆ หรือไม่ต้องรอติดตาม

*ยอดผู้ใช้งาน Metamask ทะลุ 30 ล้านคน

หลายคนน่าจะสงสัยว่า metamask คืออะไร จริง ๆ Metamask คือ Crypto Wallet สัญลักษณ์เป็นน้องหมาป่าที่สาย DeFi มักเอาไว้ใช้จัดเก็บเหรียญ Cryptocurrency ต่าง ๆ นั่นเอง

ล่าสุด Consensys บริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์อย่าง Metamask ได้ออกมาประกาศว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 30 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 42% ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา จากที่เคยรายงานมาก่อนหน้านี้ว่ามีผู้ใช้งานจำนวน 21 ล้านคน โดยฐานผู้ใช้งานทั่วโลกใช้ metamask เพื่อเก็บ NFT รวมถึงเข้าร่วมกับ Decentralized Autonomous Organization (DAO) ซึ่งเป็นเครื่องมือกำกับดูแลที่ได้รับความนิยม และร่วมในโปรโตคอล DeFi ต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งในสหรัฐ , ฟิลิปปินส์ , บราซิล , เยอรมนี และไนจีเรีย เป็นตัวแทนของตลาดที่มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดของ MetaMask

และหากเรามาดูคู่แข่งของ Metamask มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Coinbase Wallet, หรือ MyEtherWallet แต่สิ่งที่ครองใจผู้ใช้งานสาย DeFi ก็คือการใช้งานที่ง่าย และความสำคัญในด้านความปลอดภัยนั่นเอง

แต่ทุกคนต้องไม่ลืมวาการใช้งาน Crypto Wallet ต้องใช้ความระมัดระวังมาก ๆ เพราะเราเป็นผู้เก็บ password แล้วก็ seed phrase เอง หากทำหายไป หรือว่าใครได้ password เราไปนี่คือจบเลยค่ะ // ใครที่ใช้ Crypto Wallet ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะคะ Not your keys, not your coin