ผู้เขียน หัวข้อ: ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น หลังนลท.ช้อนซื้อ-ราคาน้ำมันดิบพุ่ง  (อ่าน 402 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ dsmol19

  • *
  • กระทู้: 1,214
  • Popular Vote : 0

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อหุ้นหลังราคาร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ รวมถึงแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเนื่องจากปัญหาความไม่สงบในคาซัคสถานซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มโอเปกพลัส ขณะเดียวกัน ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดในหลายประเทศ

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,395.24 จุด ลดลง 92.63 จุด หรือ -0.33% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 23,337.96 จุด เพิ่มขึ้น 265.10 จุด หรือ +1.15%

บรรยากาศการซื้อขายในภูมิภาคได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น หลังมีรายงานว่ารัสเซียได้ส่งทหารพลร่มเข้าไปยังคาซัคสถานเพื่อรักษาความสงบ หลังจากเกิดความรุนแรงทั่วประเทศจากการที่ประชาชนพากันลุกฮือประท้วงน้ำมันแพง จนทำให้รัฐบาลต้องประกาศลาออก

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 79.46 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย. 2564 และพุ่งขึ้นทะลุระดับ 80 ดอลลาร์ในระหว่างวันเมื่อวานนี้ (6 ม.ค.)

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 81.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 2564

สัญญาน้ำมันดิบยังพุ่งขึ้นหลังมีรายงานว่า การผลิตน้ำมันในลิเบียลดลงมากกว่า 500,000 บาร์เรล/วัน เนื่องจากมีการปิดบ่อน้ำมันหลายแห่ง รวมทั้งมีการปิดซ่อมบำรุงท่อส่งน้ำมัน รวมถึงการที่กลุ่มโอเปกพลัสมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.พ. แม้ว่าสหรัฐและชาติพันธมิตรต่างกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่านี้ เพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน

อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น โดยรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียรายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 38,625 รายเมื่อวานนี้ และมีผู้เสียชีวิต 11 ราย ขณะที่รัฐวิกตอเรียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 21,728 ราย และเสียชีวิต 6 ราย ส่วนรัฐควีนส์แลนด์พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 10,953 ราย และในเขตเมืองหลวงออสเตรเลีย (ACT) พบอีก 1,246 ราย

ทางด้านนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เตรียมประกาศสถานการณ์กึ่งฉุกเฉิน (Quasi-Emergency) ใน 3 จังหวัดของประเทศในวันนี้ หลังจากที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่เชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ฐานทัพสหรัฐพุ่งสูงขึ้น

ส่าวนข้อมูลเศรษฐกิจที่รายงานไปแล้วนั้น การใช้จ่ายภาคครัวเรือนของญี่ปุ่นในเดือนพ.ย.ปรับตัวลดลง 1.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเดือนที่ 4 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะดีดตัวขึ้น 1.6% โดยข้อมูลดังกล่าวได้ลดความคาดหวังที่ว่าอุปสงค์ของผู้บริโภคจะฟื้นตัวและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564